หลังจากที่คุณได้คิดไอเดียดีๆและแผนการทำธุรกิจแล้ว คุณจะต้องตั้งชื่อธุรกิจของคุณเองอีกด้วย และขอบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่า ไม่มีวิธีไหนที่สามารถบอกได้ว่าชื่อธุรกิจที่คุณตั้งมันดีแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม The Entrepreneur ได้เผยว่า มีแนวทาง 3 แนวทางที่อาจช่วยให้คุณตั้งชื่อธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
1. ตั้งชื่อที่เป็นเอกลักษณ์และบ่งบอกถึงตัวตนของสินค้าของคุณ
ชื่อธุรกิจควรจะต้องแสดงถึงภาพลักษณ์ของตัวธุรกิจเอง และถ้าคุณอยากจะทำอย่างนั้นได้ คุณจะต้องโฟกัสไปที่สินค้าของคุณนั่นเอง หรือคุณอาจลองพยายามนึกถึงเวลาและสถานที่ที่คุณได้ไอเดียในการทำธุรกิจนี้มาก็เป็นได้ค่ะ
นอกจากนี้คุณจำเป็นต้องตั้งชื่อธุรกิจของคุณเองให้ดูเป็นเอกลักษณ์ เพราะมันจะช่วยให้ลูกค้าของคุณจำชื่อธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น และอีกคำแนะนำหนึ่งก็คือ อย่าใช้ชื่อที่คล้ายกับสินค้าแบรนด์อื่นเป็นอันขาด เพราะมันจะทำให้ธุรกิจของคุณนั้นยากที่จะจดจำ
2. ลองพิจารณาชื่อที่มีความหมายแฝง
ชื่อธุรกิจอาจถูกตั้งขึ้นโดยมีความหมายในตัวธุรกิจเอง และถ้าอยากจะคิดชื่อให้กับธุรกิจของคุณออก คุณควรคิดถึงตัวธุรกิจของคุณเองว่ามันมีความหมายกับลูกค้าอย่างไร เพราะชื่อที่ดีจะทำให้ลูกค้าจดจำสินค้าของคุณได้
และถ้ามีคนจำชื่อธุรกิจของคุณได้ ความน่าจะเป็นที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้าของคุณก็จะมีมากเช่นกัน
เรามาดูตัวอย่างชื่อของธุรกิจต่างๆที่ฟังแล้วมีความคิดสร้างสรรค์กันดีกว่าค่ะ ถ้าคุณลองสังเกตุชื่อธุรกิจอื่นๆที่เจ๋งๆแล้วล่ะก็ คุณก็อาจจะนึกถึง Drybar, Rent the Runway และ Shake Shack และเมื่อคุณได้ยินคำว่า Drybar คุณมักจะรู้ทันทีว่าธุรกิจนี้ทำอะไรบ้าง และเกี่ยวกับอะไร ในขณะที่ Rent the Runway มีความหมายที่คุณสามารถจินตนาการตามได้ โดยบ่งบอกว่าคุณจะได้อะไรจากธุรกิจนี้ และสุดท้าย ชื่อธุรกิจอีกหนึ่งธุรกิจที่เมื่อพูดแล้ว เรามักจะรู้สึกตลกและทำให้เรายิ้มได้นั่นก็คือ Shake Shack นั่นเอง
3. ควรจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยในการตั้งชื่อธุรกิจหรือไม่
ถ้าคุณจ้างบุคคลภายนอกเพื่อให้พวกเขาช่วยตั้งชื่อธุรกิจของคุณเอง อาจจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก เพราะพวกเขาไม่มีความรู้หรือความเข้าใจในธุรกิจของคุณเอง และนั่นก็หมายความว่า ชื่อที่พวกเขาตั้งให้อาจไม่เชื่อมต่อหรือบ่งบอกเรื่องราวและเป้าหมายของธุรกิจได้
แต่ในอีกแง่มุมนึง การมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามามีส่วนร่วมในการตั้งชื่อธุรกิจอาจเป็นความคิดที่ดี เพราะมีหลายธุรกิจที่โด่งดังเพราะพวกเขาเหล่านั้นมาแล้ว เพราะฉะนั้นถามตัวคุณเองก่อนดีกว่าค่ะว่า คุณต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาหรือไม่ เพราะคุณคือคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้