ข้อเสียของการทำงานที่บ้าน

สวัสดีครับ และก็ขอสุขสันต์วันสงกรานต์ล่วงหน้าด้วยนะครับ นี่เรียกได้ว่าอาจจะเป็นสงกรานต์แรกที่เราจะต้องล็อคดาวน์ตัวเองอยู่ที่บ้าน บางคนก็อาจจะยังต้องทำงานอยู่ เพราะที่ทำงานได้ปรับเลื่อนวันหยุดออกไป เอาล่ะครับ เมื่อพูดถึงเรื่องการทำงานที่บ้านแล้ว ผมก็เคยกล่าวถึงข้อดีไปในบทความก่อน แต่ทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอ สำหรับวันนี้ เรามาดูข้อเสียของการทำงานที่บ้านกันดีกว่า

1.ไม่ค่อยมีสมาธิ

บ้านของเราเป็นสถานที่ซึ่งเรารู้สึกสบายที่สุดครับ แต่อาจจะเพราะความรู้สึกสบายเกินไปนี่แหละ ที่ทำให้บางครั้งอาจทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงานได้ ไม่ว่าจะเตียงที่แสนสบาย เกมส์ ซีรี่ย์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ อันเป็นสิ่งยั่วยุเต็มไปหมด และบางครอาจจะไม่ได้อาศัยอยู่บ้านคนเดียว ทำให้มีเสียงรบกวน หรืออาจจะโดนใช้งานจิปาถะได้ เช่นเมียใช้ไปล้างจาน พ่อแม่ใช้ไปถูบ้าน เป็นต้น ซึ่งหากทางบ้านไม่เข้าใจว่าการทำงานที่บ้านไม่ได้หมายความว่าว่าง ก็อาจจะต้องโดนรบกวนสมาธิกันหน่อยครับ ประกอบกับปัจจุบันที่เด็ก ๆ ก็ไม่ต้องไปโรงเรียน ทำให้ใครที่มีลูกเล็กก็อาจจะปวดหัวกันสักหน่อยล่ะครับ

2.ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานไม่สะดวก

สำหรับใครที่ต้องทำงานซึ่งต้องติดต่อกับเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ การทำงานที่บ้านก็อาจจะไม่สะดวกนักครับ เพราะแม้ว่าปัจจุบันนี้ จะมีโปรแกรมแชทต่าง ๆ ที่สะดวกและสามารถแชร์หน้าจอคอมได้ หรือจะรีโมทเข้ามาดูงานในคอมพิวเตอร์ได้ แต่แน่นอนว่ามันไม่สะดวกเท่ากีบการคุยกันต่อหน้าและทำงานอยู่ด้วยกันที่ออฟฟิศครับ

3.สุขภาพอาจแย่ลง

แม้ว่าการทำงานจากที่บ้าน จะทำให้ความเสี่ยงในการติด COVID-19 ของเราน้อยลงก็ตาม แต่สุขภาพในด้านอื่น ๆ อาจจะแย่ลงได้ครับ โดยเฉพาะน้ำตาลในเลือดสูง หรือโรคอ้วน เพราะเมื่อเราทำงานจากที่บ้าน เราก็จะแทบไม่ค่อยได้ขยับเยื้อนหรือออกกำลังกายเลย ประกอบกับปัจจุบันที่บริการสั่งอาหารแบบเดลิเวอร์รี่กำลังบูมถึงขีดสุด ทำให้ไม่ว่าจะขนม อาหาร เครื่องดื่ม ก็สั่งเข้ามาทานได้ง่าย ๆ ครับ เรียกได้ว่าหากไม่ทันระวังตัว น้ำหนักได้ขึ้น พร้อม ๆ ไปกับความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานนั่นเอง ดังนั้น ถึงจะทำงานอยู่บ้าน แต่ก็อย่าลืมออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วยนะครับ

และนี่ก็เป็นข้อเสียของการทำงานที่บ้านครับผม