มาจ่ายเงินกู้ออนไลน์กันเถอะ
การกู้เงินมาจ่ายเงินกู้ออนไลน์กันเถอะเป็นอะไรที่สะดวกสบายและรวดเร็ว แต่ก็มีไม่กี่คนที่กูเงินออนไลน์มากนัก เพรสะฉะนั้นเมื่อคุณยืมเงินแล้ว คุณจะต้องจ่ายให้ตรงเวลตามที่คุณตกลงไว้ อย่างไรก็ตามการกู้เงินออนไลน์ก็ไม่ได้เป็นหลักประกัน
โดยทั่วไปแล้วการกู้ยืมเงินออนไลน์เป็นที่สนใจในกลุ่มมิลเลเนียล เพราะมันทั้งรวดเร็วและสะดวกสบาย แต่การกู้เงินออนไลน์ไม่ใช่มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะการกู้เงินออนไลน์ส่วนใหญ่แล้วมีอัตราดอกเบี้ยสูง ยกตัวอย่างเช่น เงินกู้ออนไลน์มีการตั้งดอกเบี้ยที่ 2.95% ต่อเดือน บิลที่ส่งมาให้คุณอาจมีจำนวนมาก และทำให้คุณอาจไปหายืมเงินจากเพื่อนหรือคนสนิทเพื่อมาจ่ายหนี้จำนวนนั้น มากไปกว่านั้นบางบริษัทอาจส่งคนไปเก็บหนี้จากคุณก็เป็นได้
ถ้าสิ่งนี้กำบังเกิดขึ้นกับคุณอยู่ล่ะก็ คุณควรจ่ายหนี้นั้นให้หมดโดยเร็ว ดีกว่าต้องมาเสียหน้าเพราะเจ้าหนี้ตามทวงหนี้
คุณกำลังสับสนกับการหาทางออกอยู่หรือไม่? ถ้าใช่ก็อย่ากังวลไปเลยค่ะ
เพราะเรามีเคล็ดลับดีๆมาฝากในการจ่ายหนี้ออนไลน์
เลือกกู้เงินที่ดอกเบี้ยต่ำ
สิ่งแรกที่คุณควรทำก็คือ การจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยต่ำ คุณิาจไปยืมเงินจากธนาคารหรือบริษัทที่ให้คุณกู้ยืมเงินพร้อมกับดอกเบี้ยที่ต่ำนั่นเอง หรืออีกทางหนึ่งก็คือ ตุณอาจเปรียบเทียบดอกเบี้ยจากหลายๆบริษัท และหลังจากนั้นเลือกบริษัทที่ให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และควรเลือกการจ่ายเงินคืนไม่มากไปหนึ่งปี และวิธีนี้ยังช่วยให้คุณมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายได้ดีอีกด้วย
กู้เงินแบบไม่มีดอกเบี้ย
วิธีที่สองก็คือ การกู้เงินแบบไม่มีดอกเบี้ย แบ้วคุณจะกูเงินจากไหนล่ะ? คุณสามารถกูเงินได้จากที่ทำงานของคุณนั่นเอง
ส่วนใหญ่แล้วบริษัทจะเสนอเงินกู้ที่ไม่มีดอกเบี้ยให้กับพนักงาน คุณสามารถต่อรองหรือสอบถามถึงระยะเวลาของการชำระหนี้ได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่ดีจากการยืมเงินจากพ่อแม่หรือญาตพี่น้อง คุณก็ควรจะคืนเงินตรงเวลาค่ะ
การซื้อสินทรัพย์
วิธีสุดท้ายก็คือ การซื้อสินทรัพย์เก็บไว้ วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ในภายหลัง แต่
คุณต้องจำไว้เสมอนะคะว่า หลังจากที่คุณกู้ยืมเงินแล้วคุณต้องจ่ายหนี้สินทั้งหมด และคุณต้องปิดบัญชีทั้งหมดที่คุณมี คุณสามารถลบแอพพลิเคชั่นที่คุณมี เมื่อคุณคิดว่าคิดไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไป
คุณต้องจำไวว่า คุณต้องรู้จักการใช้จ่ายเงิน แล้วคุณจะมีหนี้ลดลง เชื่อเราสิคะ
อ้างอิงจาก lifehack.org คุณต้องใล้เวลากับการแยกแยะความต้องการและความจำเป็น โดยตัดสิ่งที่คุณไม่จำเป็นออก ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ, อินเตอร์เน็ตและของมีค่าต่างๆ