การเงิน

ความเสี่ยงในการใช้ระบบการจดจำใบหน้าในการชำระเงิน

Thai Trading Focus

มีโปรแกรมชำระเงินมากมายที่มีการปรับเปลี่ยนแปลงระบบให้ง่านและทันสมัยมากขึ้น โดยการใช้ระบบการจดจำใบหน้า รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba’s Alipay และ Tencent’s WeChat ถึงแม้ว่าทั้งสองโปรแกรมนี้จะใช้ระบบการจดจำใบหน้าในการชำระเงินของรูปแบบออนไลน์และรูปแบบในห้างสรรพสินค้าแล้ว แต่ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างออกมาวิพากย์วิจารณ์เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความเสี่ยงในเรื่องของปลอดภัยของระบบนี้

ความเสี่ยง

ลูกค้าหลายคนไม่ตระหนักถึงระบบการจดจำใบหน้า พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวหรืความปลอดภัยใดๆเลย เพราะสิ่งที่พวกเขาคำนึงถึงก็คือ ความสะดวกสบาย และง่ายต่อการใช้งาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ใบหน้าของคนเราเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ถ้าโทรศัพท์มือถือของคุณถูกขโมยไป หรือข้อมูลเกิดการรั่วไหล สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ตัวจริง และมันก็ไม่เหมือนบัตรเครดิตที่เมื่อคุณใช้มันเสร็จ คุณก็แค่ใส่มันลงไปในกระเป๋า แต่การจดจำใบหน้า หรือใบหน้าของคุณนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่าย และยังสามารถทำได้ตลอดเวลา และมากไปกว่านั้นยังมีบริษัทอีกหลายบริษัทที่ยังไม่เคยพิจารณากรณีเหล่านี้เลย

บริษัทหลายบริษัททั่วโลกมีการใช้ระบบการจดจำใบหน้าเพื่อใช้ในการชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่น พวกเขาต้องการมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ และมีประสบการณ์ที่ดีในระหว่างการใช้งาน ถ้าคุณยังไม่เห็นภาพอีกล่ะก็ เรามีคำอธิบายเพิ่มเติมค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร, โรงพยาบาล, และโรงแรมก็ยังใช้ระบบนี้ในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

Alipay ได้เพิ่มฟิลเตอร์สวยๆ เพื่อช่วยให้รูปของคุณดูสวยมากขึ้นเมื่อในต้นเดือนที่ผ่านมา และมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการมีรูปที่ไม่ถูกใจ เมื่อพวกเขาใช้ฟิลเตอร์นี้

อย่างไรก็ตามมีหลักฐานเยอะแยะมากมายได้ถูกทดสอบแล้วว่า การใช้จดจำใบหน้าเป็นความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เพราะในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานจาก South China Morning ว่า มีกรณีศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าของ Shenzhen เทคโนโลยีถูกติดตามการเคลื่อนไหวของคนจำนวน 2.5 ล้านคนในเมือง Xinjiang

นอกจากนั้นแล้วในเดือนเมษายน ผู้ใช้ WeChat  ใน Zhejiang มีการขาดทุนมากกว่า 10,000  เยน เขาขาดทุนหลังจากที่เพื่อนสนิทเขาปลดล็อกโทรศัพท์ของเขาโดยการใช้หน้าของเขาเองตอนที่เขากำลังนอนหลับอยู่ และอีกหนึ่งกรณีก็คือ FaceApp case แอพพลิเคชั่นนี้เป็นเสมือนไวรัสที่แพร่พันธุ์ในปี 2017 โดยมีผู้ใช้มากกว่า 80 ล้านคน ซึ่งการใช้ระบบจดจำใบหน้ายังคงเป็นหัวข้อที่ตกเถียงกันในเรื่องของความปลอดภัย

Show More
Back to top button