1. ตรวจสอบเงินในบัญชีของคุณ
วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะประเมินนิสัยการใช้จ่ายของคุณเอง รวมถึงการตรวจสอบบัญชีและบัตรเครดิตทั้งหมดที่คุณมี ลองกลับเข้าไปดูในบัญชีธนาคารของคุณ แล้วลองดูสิคะว่า เงินที่คุณได้ใช้จ่ายไปนั้น คุณเสียไปกับอะไรบ้าง
2. จัดสรรค่าใช้จ่ายต่างๆ
ทำการจัดสรรค่าใช้จ่ายของคุณให้เป็นหมวดหมู่ บัตรเครดิตบางชนิดจะทำการแท็กรายการใช้จ่ายเงินโดยอัตโนมัติไปยังประเภทต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเภทร้านค้า หรือ รถยนต์ เป็นต้น
ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพบว่า การซื้อกาแฟที่สตาบัคทุกวันเป็นการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองมากๆ หรือบางทีคถณอาจจะพึ่งรู้ตัวว่า คุณเสียเงินไปกับการเป็นสมาชิกรายเดือนให้กับการบริการ โดยที่คุณไม่จำเป็นเลย
3. ใช้แอพพลิเคชั่นการจัดการงบประมาณ
แอพพลิเคชั่นการจัดการงบประมาณ อย่างเช่น You Need a Budget และ Mint ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับการใช้จ่ายเงิน โดยคุณจะสามารถจัดการค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนตามรายได้ที่คุณมีนั่นเอง
แอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะทำเงินก็ต่อเมื่อคุณล็อกอินในรายการใช้จ่ายของคุณ จากนั้นทำการกำหนดเวลา่ แล้วคุณจะสามารถใช้จ่ายได้ตามงบประมาณที่คุณมี
4. มองหาตัวติดตามค่าใช้จ่ายรูปแบบอื่นๆ
Spreadsheet เป็นเครื่องมืออีกเครื่องมือหนึ่งในการติดตามการใช้จ่ายเงิน คุณสามารถหารูปแบบของเท็มเพลตงบประมาณแบบออนไลน์ได้หลากหลายรูปแบบ หรือถ้าคุณมีพอร์ตฟอริโอ้ทางการเงินที่มีความซับซ้อน คุณสามารถที่จะซื้อซอฟแวร์เพื่อใช้ในการติดตามค่าใช้จ่ายได้เช่นกัน
5. พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแก้ไข
ในขณะที่คุณกำลังติตดามและจับตาดูการใช้จ่ายของตนเองอยู่ คุณจะต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการใช้เงินของคุณด้วยเช่นกัน แน่นอนค่ะ่ว่า มันจะต้องคุ้มค่ากับเวลาที่คุณเสียไปอย่างแน่นอน คุณควรที่จะประเมินว่า ค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่คุณมองข้ามไป
“การติดตามค่าใช้จ่ายเป็นวิธีที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากในการมองหาว่า คุณเสียค่าใช้จ่ายไปกับอะไรซะส่วนใหญ่ และค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่คุณคิด” Serlin ผู้เชี่ยวชาญ กล่าว
มากไปกว่านั้นเขายังบอกอีกว่า ในชีวิตคุณควรพยายามลดค่าใช้จ่ายคงที่ให้ได้มาก อย่างเช่น ต้นทุนอสังหาริมทรัพย์, รถยนต์ และสาธารณูปโภคที่มีผลกระทบต่องบประมาณของคุณเป็นอย่างมาก