เงินเฟ้อ 101: สิ่งที่คุณต้องรู้
เงินเฟ้อเป็นคำที่คุณมักจะได้ยินบ่อยนักในข่าวทางโทรทัศน์หรือตามสื่อต่างๆ แต่คุณอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของมันมากนัก เพราะฉะนั้นเราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเงินเฟ้อกันค่ะ
เงินเฟ้อโดยทั่วไปแล้วหมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ “ราคาสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก” และนี่คือความหมายของคำว่า เงินเฟ้อ
แล้วเราวัดราคาจากอะไรกันล่ะ? วิธีที่เราใช้วัดราคาสินค้าคือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ดัชนีราคาผู้บริโภคเป็นราคาที่เราวัดจากการคำนวณถัวเฉลี่ยราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าในตลาด ยกตัวอย่างเช่น น้ำ, นม, ไข่, ขนมปัง, ข้าว, ราเมง, ไก่, ปลากระป๋อง เป็นต้น ทุกครั้งที่คุณเข้าไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต คุณจะได้รับใบเสร็จที่แสดงราคาสินค้าของสินค้านั้นๆ ใช่ไหมล่ะคะ? คุณสามารถที่จะติดตามราคาสินค้าแต่ละประเภทที่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้
หรืออีกวิธีหนึ่งที่สามารถวัดดัชนีราคาผู้บริโภคได้เช่นกันคือ วัดจากมูลค่าสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อมากที่สุดและทำให้ราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงดัชนี ในประเทศเกาหลี สำนักงานสถิติแห่งชาติคำนวณดัชนีผู้บริโภคทุกๆ เดือน เมื่อปี 2015 สินค้าจำนวน 460 ประเภทถูกนำมาคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคและถูกติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างสม่ำเสมอ
มากไปกว่านั้นเงินเฟ้อมักถูกคำนวณในรูปแปบบของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งคำนวณจากอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อปีที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคที่ 100 และถ้าปีนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ที่ 103% นั่นก็หมายความว่า อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น 3%
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงคือ อัตราเงินเฟ้ออาจติดลบ ถ้าราคาตกลงในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อก็อาจแสดงผลเป็นลบ (-) นั่นเอง หรือเราเรียกว่า ภาวะเงินฝืด
โดยสรุป อัตราเงินเฟ้อเป็นตัววัดว่าราคาสินค้ากำลังเพิ่มสูงขึ้นหรือลดต่ำลง ถ้าอัตราเงินเฟ้อเป็นบวก เราเรียกว่า เงินเฟ้อ ถ้าอัตราเงินเฟ้อเป็นลบ เราเรียกว่าเงินฝืดนั่นเอง
