ภัยโควิดทำลายเศรษฐกิจ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
สวัสดีครับ ผมเชื่อว่าในตอนนี้ หลายๆท่านคงจะสามารถเริ่มปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal กันได้แล้ว สืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส หรือโรค Covid-19 ที่ยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงง่ายๆ ซึ่งจากการเกิดโรคระบาดครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต หรือเศรษฐกิจก็ตาม เราจะเห็นได้ว่า มีธุรกิจมากมายที่ต้องปิดตัวลงเป็นการเซ่นให้กลับการแพร่ระบาดของ covid-19 มีผู้คนมากมายที่ต้องออกจากงาน และสูญเสียรายได้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงในประเทศไทยเราเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย
แม้แต่แบรนด์ใหญ่ก็ไปไม่ไหว
อย่าคิดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ จะส่งผลกระทบเพียงแต่ธุรกิจรายย่อยเท่านั้น เพราะแม้แต่กิจการยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาอยู่แทบทุกมุมโลก ก็มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ทำการปิดสาขา และลดจำนวนพนักงานลง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย และประคองให้กิจการดำเนินต่อไป
ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ดังๆอย่าง ZARA MUJI สินค้าแบรนด์หรูต่าง ๆ เช่น Hermes และรวมไปถึงร้านกาแฟแฟรนไชส์ก้องโลก อย่างสตาร์บัคเอง ก็มีนโยบายในการปิดสาขาของร้านลง โดยเพียงแค่ในประเทศสหรัฐอเมริกา Starbucks ก็มีนโยบายว่าจะปิดสาขาลงถึง 400 สาขาด้วยกัน
แผนธุรกิจแบบ New Normal
ซึ่งการปิดตัวลงของสาขาต่างๆนี้ นอกจากจะเกิดขึ้นเพราะว่ากำลังกายบริโภคที่ลดลงแล้ว อีกหนึ่งสาเหตุก็คือ การปรับตัวเพื่อให้เข้ากับวิถีใหม่ของผู้บริโภคนั้นเอง ซึ่งตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสขึ้น วิถีชีวิตแบบใหม่ของผู้คน ก็จะเปลี่ยนไปเป็นการเน้นซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ เดลิเวอรี่ หรือการสั่งแบบ pick up มากกว่าการที่จะไปนั่งรับประทานอาหาร หรือเลือกซื้อสินค้าในร้านอาหารซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ร้านอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสนั่นเอง
เพราะด้วยเหตุนี้ การแพร่ระบาดของ covid-19 จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนเพียงแค่วิถีชีวิตแบบใหม่ของประชาชนอย่างเราๆเท่านั้น มันยังส่งผลไปต่อการประกอบธุรกิจอีกด้วย ดังนั้นสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนทั้งหลาย ก็จะต้องมีการปรับตัวด้วยแผนการดำเนินธุรกิจแบบ New Normal เช่นกัน หากต้องการจะยังอยู่รอดและเติบโตในภาวะเช่นนี้ครับ