เมื่อองค์ประกอบสำคัญมีข้อจำกัดเรียบร้อยแล้ว นเมื่อนั้นก็คือเวลาที่ดีที่สุดในการขายอสังหาริมทรัพย์ค่ะ

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่เหมือนการลงทุนในทองคำ เนื่องจากจะต้องมีต้นทุนค่าบำรุงรักษา ซึ่งเงินที่คุณมีอาจหมดไปกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ทำให้การลงทุนประเภทนี้มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการวางท่อ, ทำหลังคา, สร้างกำแพง สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนทั้งนั้น ลองคำนวณรายได้ต่อปีที่หมุนเวียนเข้ามาเทียบกับต้นทุนค่าซ่อมบำรุงต่างๆ ถ้าคุณคิดว่า คุณไม่ได้กำไรอะไรเลย มีแต่ค่าซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้นเรื่อบๆ คุณก็ควรจะขายอสังหาริมทรัพย์นั้นออกไปก่อน

อย่าพลาดข้อเสนอเด็ดๆ!

การขายอสังหาริมทรัพย์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เครดิตผู้ซื้อ หรือสถานที่ของอสังหาริมทรัพย์นั้น ต่างก็มีผลต่อราคาของสินทรัพย์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าพลาดโอกาสดีๆ นี้ไป! การมองหาผู้ซื้อที่เหมาะกับอสังหาริมทรัพย์ของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณมองหาผู้ซื้อที่สนใจในอสังหาริมทรัพย์ของคุณ และต้องการที่จะซื้อที่ราคาสูง นั่นก็หมายความว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณควรที่จะขายสินทรัพย์นั้นออกไป

ลองพยายามเปิดรับข่าวสารทุกๆ ข่าวสารเกี่ยวกับการสถานที่อสังหาริมทรัพย์ของคุณด้วยเหมือนกัน แน่นอนค่ะว่ามีหลายคนที่สนใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยดูจากตำแหน่งที่ตั้งเป็นหลัก โดยเฉพาะสถานที่อยู่ใกล้รถประจำทางสาธารณะ

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะแตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น คุณอาจจะใช้เวลานานกว่าในการทำกำไร และมีความซับซ้อนกว่า เพราะฉะนั้นให้คุณลองให้ความสนใจไปที่ทิศทางของตลาด ว่าเมื่อไหร่คือเวลาที่ดีที่สุดในการขาย (ตลาดของผู้ขาย) และเมื่อไหร่คือเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อ (ตลาดของผู้ซื้อ) ถึงแม้ว่าจะกลยุทธ์ก็คือ “ซื้อเมื่อราคาต่ำ ขายเมื่อราคาสูง” ก็ตาม

ให้ความสำคัญกับต้นทุนการเป็นเจ้าของ

ค่าใช้จ่ายที่นอกจากค่าบำรุงรักษาแล้ว คุณจะต้องจำเอาไว้ว่า อสังหาริมทรัพย์จะต้องมีค่าธรรมเนียมสำหรับการเป็นเจ้าของด้วย: ภาษี คุณจะต้องคอยอัพเดรตกฎระเบียบข้อบังคับในการควบคุมเรื่องภาษีอสังหาริมทรัพย์อยู่เสมอ และต้องจดบันทึกค่าใช้จ่ายที่คุณจำเป็นต้องจ่ายให้กับคอนโด หรือส่วนรวม ถ้าคุณไม่สามารถที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ของคุณแล้ว คุณที่จะเลือกตัดสินใจอย่างชาญฉลาด เมื่อคุณผลตอบแทนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เริ่มถดถอย ให้ลองพิจารณาว่าคุณจะขายและย้ายไปยังการลงทุนในที่ใหม่ที่มีกระแสเงินสดและกำไรที่ดีกว่านี้