การตลาดการลงทุนไลฟ์สไตล์

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากความล้มเหลว

Thai Trading Focus

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากความล้มเหลว

ในชีวิตของคนเรา ไม่มีหรอกครับ ที่เราจะประสบความสำเร็จในทุก ๆ สิ่ง แม้กระทั่งคนที่ร่ำรวยมหาศาล ก็ยังต้องพบบางสิ่งที่ผิดหวังบ้าง แม้จะเล็กน้อยก็ตาม แต่นแน่นอนครับ ว่าความล้มเหลวนั้นเป็นคำที่ไม่มีใครชื่นชอบ เพราะมันทั้งหนักอึ้ง และเต็มไปด้วยสิ่งที่เราต้องสูญเสีย

อย่างไรก็ตาม หากว่าเราไม่อาจหยุดยั้งความล้มเหลวได้ สิ่งที่เราควรจะทำต่อไปคืออะไร? มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปได้ โดยไม่ต้องจมอยู่กับความโศกเศร้าบ้าง สำหรับผม คิดว่าสติ และความนึกคิดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ หากจิตของเราถูกครอบงำด้วยความรู้สึกแย่ เราจะยิ่งมองไม่เห็นหนทางข้างหน้า ดังนั้น วันนี้ผมจะมาเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่ได้เรียนรู้มาจากความล้มเหลวครับ

การเรียนรู้จากความล้มเหลว

ประการแรกเลย หากเราต้องการที่จะก้าวเดินต่อไป เราจะต้องรู้จักการยอมรับความเป็นจริง เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเราให้เร็วที่สุด และสามารถมองความล้มเหลวนั้นมาเป็นบทเรียนได้ครับ

ชีวิตผมเจอกับความผิดหวังมากมาย แต่ความล้มเหลวที่สุดของผม คือการลงทุนแล้วกลับไปไม่รอดครับ ผมเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนชนขั้นกลางทั่วไป เก็บเงินแทบตายจนได้ล้านกว่าบาทตอนอายุสามสิบแปด สำหรับคนที่เงินเดือนแค่สองหมื่นอย่างผม รู้สึกว่าการเก็บเงินล้านได้เป็นอะไรที่ยากลำบากมาก ๆ ผมแทบไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย พยายามลงทุน หางานเสริม เพื่อที่จะได้เติมเต็มฝันของตัวเอง คือการได้เป็นเจ้าของกิจการนั่นเองครับ

แต่ความเหนื่อยยากของผมทั้งหมดก็หายไปในเวลาเพียงปีเดียว เมื่อผมโดนหุ้นส่วนโกง และเชิดเงินหนีไปแบบที่ผมเองก็ไม่มีปัญญาไปตาม โดยรายละเอียดผมจะไม่ขอพูดถึงนะครับ โดยในขณะนั้น ผมรู้สึกว่าโลกมันมืดแปดด้านมาก ๆ เพราะผมไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีงาน ไม่มีเงิน มีแต่ค่าใช้จ่ายมากมายที่รุมเร้าเข้ามา คำถามก็คือ ผมสามารถทำใจ ฮึดสู้ขึ้นมาให้ และเรียนรู้จากความล้มเหลวครั้งนี้ได้อย่างไรบ้าง มาดูกันครับ

เรียนรู้จากความล้มเหลว

1.ไม่มีสิ่งใดที่เป็นนิรันด์

ผมจำได้ว่า ในช่วงแรกของการเริ่มธุรกิจนั้น ผมมีความสุขมาก ๆ แต่ความสุขนั้นก็อยู่กับผมไม่ได้นานครับ และก็เช่นเดียวกัน เมื่อผมนึกย้อนไปถึงเรื่องทุกข์ใจที่ผ่านเข้ามา ผมก็พบว่า ในความทุกข์ของอดีต สุดท้ายมันก็ผ่านไป ดังนั้น ไม่ว่าจะความสุข หรือความเศร้า มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา ตลอดกาล หรือตลอดไปครับ ดังนั้น เราล้มได้ เราก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้

2.จงรู้ตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมโดนโกงนั้น เริ่มมาจากการที่ผมไม่มั่นใจในตัวเอง จึงไว้ใจหุ้นส่วนมากเกินไป ผมยกให้เขาทำแทบทุกอย่าง ด้วยความไว้ใจ และเชื่อว่าเขาชำนาญกว่าผม นั่นคือการนำความฝันไปฝากไว้กับคนอื่นครับ เมื่อผมมานึกย้อนดู ผมแทบไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ดังนั้น หากเราจะเริ่มทำธุรกิจ แม้จะมีหุ้นส่วนก็ตาม สิ่งสำคัญคือเราจะต้องรู้ทุกกระบวนการในการทำธุรกิจของตนเองครับ ยกตัวอย่างเช่น ดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์ระดับโลกไม่จำเป็นต้องมานั่งตัดเย็บเสื้อผ้าเอง แต่ถ้าถามว่าเขารู้ในทุกกระบวนการของการผลิตเสื้อผ้าไหม เขาก็รู้ครับ ดังนั้น การจะประกอบธุรกิจให้ดี เราควรต้องรู้จักธุรกิจของเราในทุกส่วนด้วยนั่นเอง

3.ความไว้ใจไม่สามารถแทนลายลักษณ์อักษรบนสัญญาได้

ในเรื่องของการทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับเงินทอง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือเอกสารครับ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนที่คุณคิดว่าสนิทที่สุดในชีวิต หรือกระทั่งเป็นญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันก็ตาม ความไว้ใจคือเรื่องหนึ่ง แต่ความโปร่งใสและหลักประกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตนั่นเองครับ

4.การยอมรับ และปรับตัวคือสิ่งสำคัญ

ผมเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่า ยิ่งเราอยู่สูงมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งตกลงมาเจ็บมากเท่านั้นครับ และหลาย ๆ คนก็อาจจะทนกับความเจ็บปวด และความรู้สึกว่างเปล่าไม่ได้ จากคนที่เคยมีเงินทอง มีคนห้อมล้อม หรือเคยมีสิ่งที่ต้องการอยู่ในมือ เมื่อวันหนึ่งสิ่งเหล่านั้นหายไป หากว่าไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ก็อาจจะนำมาสู่โศกอนาตกรรมได้ครับ ดังนั้น สิ่งที่ผมเรียนรู้จากความล้มเหลวก็คือ ยิ่งเราสามารถทำใจ และปรับตัวกับปัจจุบันได้เร็วเท่าไหร่ จิตใจของเราก็จะกระจ่าง สามารถมองเห็นทางออก หรือสามารถทำให้ความทุกข์เบาบางได้มากเท่านั้นครับ

5.แข็งแกร่ง และรอบคอบมากขึ้น

เมื่อเราสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลว และก้าวผ่านมันมาได้ ผมสามารถบอกได้เลยครับว่าคุณรอบคอบมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเราต่างมีบทเรียนมาแล้ว อีกทั้งเรายังมีภูมิคุ้มกัน ทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย

และที่สำคัญ จำไว้ครับว่า มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือผิดบาปเลยหากเราจะทำบางสิ่งไม่สำเร็จ เพราะมนุษย์เราไม่ได้สมบูรณ์แบบครับ ดังนั้น เมื่อเผชิญกับความล้มเหลว ให้มีสติ และลุกขึ้นมาใหม่ โลกนี้อาจไม่มีความสุขใดเป็นนิรันด์ แต่นั่นก็หมายความว่าไม่มีความทุกข์ที่คงอยู่ตลอดไปเช่นกัน มันจะเบาบางลง โดยเฉพราะอย่างยิ่งเมื่อคุณสามารถยอมรับ เรียนรู้ ก้าวผ่านมันมาได้ครับ

Show More
Back to top button