เป้าหมายแบบ SMART คืออะไร?
สำหรับในบทความก่อน ๆ ทางเราได้พูดถึง ความสำคัญของเดือนมกราคมกับการเงิน กันไปใช่ไหมครับ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายทางการเงิน รวมถึงแผนการปฏิบัติเพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ ซึ่งภายในนั้น เราก็ได้มีการเกริ่นถึงกันไปแล้วเกี่ยวกับความสำคัญของการมีเป้าหมาย แต่รู้หรือไม่ว่า การมีเป้าหมายคือเรื่องหนึ่ง แต่ “การมีเป้าหมายที่ดี” คืออีกเรื่องครับ ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่า ว่าเป้าหมายที่ดีในแบบ SMART คืออะไร
ความสำคัญของการมีเป้าหมายที่ดี
เป้าหมาย ก็เปรียบเสมือนจุดปลายทางที่ถูกกำหนดขึ้น เพื่อใช้ในการวางแผนทางการเงินซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายนั้นในท้ายที่สุดนั่นเอง แต่บ่อยครั้งที่เราจะพบว่า ตนเองไม่สามารถทำตามเป้าหมายนั้นได้ ซึ่งสาเหตุอาจจะไม่ใช่ว่าแผนการเราไม่ดี จิตใจเราวอกแว่ก ทำตามแผนไม่ได้ แต่มันอาจจะเกิดมาตั้งแต่ขั้นตอนในการตั้งเป้าหมายแล้วครับ ดังนั้น การมีเป้าหมายที่ดี เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเราทำได้ไม่ดีตั้งแต่ในขั้นตอนของการตั้งเป้าหมาย มันจะส่งผลต่อการวางแผน และการปฏิบัติตามแผนของเราอีกด้วย
เอาล่ะ คราวนี้มาว่ากันด้วยเป้าหมายที่ดีกันเถอะ
ความหมายของเป้าหมายแบบ SMART คืออะไร
หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยเห็นหลักการ SMART มาผ่านตากันบ้าง ซึ่งหลักการนี้ก็คือตัวบ่งชี้ว่าเป้าหมายของเรานั้น เป็นเป้าหมายที่ดีหรือเหมาะสมไหมนั่นเองครับ เมื่ออ่านดูในคราวแรกแล้ว อาจมีบางท่านคิดว่า เป้าหมายแบบ SMART ก็คือเป้าหมายแบบชาญฉลาด ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดครับ แต่ก็ไม่ถูกไปเสียทีเดียว เพราะในแต่ละตัวอักษรของ SMART นั้น มีความหมายในตัวของมันเอง เรามาดูกันไปทีละตัวกันครับ
S จาก “Specific” – เฉพาะเจาะจง
ความเฉพาะเจาะจง คือสิ่งสำคัญอย่างแรกที่ควรมีในเป้าหมายของเราครับ เพราะหากเป้าหมายของเราไม่ชัดเจน มันก็จะเป็นการยากที่จะเห็นภาพว่าเราควรวางแผนต่อไปอย่างไรให้บรรลุเป้าหมายที่เราเองก็ยังดูไม่เฉพาะเจาะจงนี้ได้ เช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “อยากรวยขึ้น” ก็ให้เปลี่ยนเป็น “อยากมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 100,000 บาท ภายใน 12 เดือน” ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าครับ
M จาก “Measurable” – การสามารถวัดผลได้
การวัดผลนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเลยครับ เพราะเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ตนเองนั้นสามารถทำตามเป้าหมายได้ดีมากน้อยแค่ไหน หากว่าเราไม่อาจวัดผลได้ ดังนั้น เป้าหมายของคุณจึงจำเป็นต้องมีเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อที่จะรู้ได้ว่าตนเองสามารถทำได้สำเร็จตามเป้าหมายนั้นหรือไม่
A จาก “Achievable” – การสามารถทำได้จริง
การตั้งเป้าหมายให้สูงนั้น มีข้อดีที่สามารถผลักดันเราได้ครับ แต่ก็ไม่ควรตั้งไว้สูงเกินจนขนาดที่ตัวเราเองยังรู้ได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เช่น คุณเป็นพนักงานเงินเดือน 15000 บาท อยู่ ๆ ก็ตั้งเป้าหมายว่าอยากรวยได้ร้อยล้านในปีนี้ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยลงทุนหรือทำงานอื่นใด ๆ นอกไปจากงานประจำนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเป้าหมายที่แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย และมันไม่มีประโยชน์ที่เราจะตั้งเป้าหมายขึ้นมาลอย ๆ โดยที่เรารู้แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้แบบนี้ครับ
บางครั้ง การตั้งเป้าหมายที่ขนาดตัวเราเองยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ จะทำให้เราไม่มีโฟกัส และอาจเกิดความรู้สึกท้อแท้เมื่อทำไม่สำเร็จอีกด้วย
R จาก “Relevant” – ความสอดคล้องกัน
การสร้างเป้าหมายทางการเงินจะดูไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร หากว่ามันไม่สอดคล้องกับแผนการชีวิตโดยรวมของคุณ เช่น เป้าหมายในการซื้อรถ ทั้งที่เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ อาจเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป หรือตัดโอกาสในการนำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นมากกว่าครับ
T จาก “Time-bound” – ขอบเขตุเวลา
เวลาที่เราสร้างเป้าหมาย ควรจะกำหนดขอบเขตุเวลาไว้ด้วยครับ เพื่อให้ตัวเราเองมีความรับผิดชอบต่อการทำในการให้บรรลุเป้าหมาย และติดตามความคืบหน้าอยู่อย่างเสมอ หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ เมื่อมีเวลากำหนด จะทำให้เราตัดโอกาสของความขี้เกียจและผลัดวันประกันพรุ่งออกไปนั่นเอง
และนี่ก็คือความหมายของเป้าหมายแบบ SMART ครับผม แล้วทุกท่านล่ะครับ ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้ของตัวเองแล้วหรือยัง?
