การตลาด

KakaoTalk เป็นยักษ์ใหญ่เฉพาะในบ้านเกิดจริงหรือ?

Thai Trading Focus

KakaoTalk เป็นยักษ์ใหญ่เฉพาะในบ้านเกิดจริงหรือ?

บริษัทดิจิตอลจากเกาหลีใต้ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทมีรายได้มากที่สุดในกลุ่มแอพพิเคชั่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในประเทศ แต่กลับไม่ใช่อันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากต่างประเทศ

KakaoTalk Characters

Beom-soo Kim ได้ก่อตั้งบริษัท Kakao คอร์ปอเรชั่นเมื่อปี 2010 หรือตอนที่ระบบแอนดอร์ยพึ่งเริ่มเป็นที่รู้จัก Kim ได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO ของ NHN ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกับ Naver ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการวางแผนแก้แค้นของ Naver

KakaoTalk เป็นแอพพิเคชั่นที่เติบโตได้ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยในการให้บริการรูปแบบการแชทแบบฟรีๆ ไปจนถึงอีกระดับของการแชท และผู้ใช้ยังสามารถใช้แอพนี้ส่งหรือซื้อของขวัญ และถูปองต่างๆ ได้ KakaoTalk ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นแอพโทรศัพท์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุด โดยผ่านการคัดเลือกจาก the Global Mobile Awards ในปี 2014

โดยทางบริษัทได้สร้างความหลากหลายผ่านแอพพิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือคาร์เร็กเตอร์ที่ทำให้แอพพิเคชั่นนี้มีจุดเด่น และยังสามารถนำตัวละครเหล่านี้ไปดัดแปลงให้อยู่ในรูปของสติ๊กเกอร์ และสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ในการซื้อขายได้ อีกทั้งบริษัทยังได้ขยายกิจการด้านการค้ามือถือ จนทำให้บริษัทได้ตัดสินใจสร้างบัญชีขึ้นมา ซึ่งบัญชีนั้นสามารถทำการโฆษณาหรือโปรโมทสินค้าผ่านการแชทส่วนตัวได้

ล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างเช่น ฟินเทค และการขนส่ง อย่างไรก็ตาม KakaoTalk ก็ยังเป็นแอพที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของเกม และยังติดอันดับ 3 ของเกมที่มีผู้เล่นมากที่สุดในโลกในปี 2013  ไม่ว่าจะเป็น Every  Body’s MarbleCookie Run และ Anipang.

KakaoTalk ยอมแพ้ในตลาดต่างประเทศแล้วหรือไม่?

ในขณะที่ KakaoTalk มีส่วนแบ่งตลาดถึง 93% ในตลาดเกาหลีใต้ แต่อย่างไรก็ตาม KakaoTalk ยังทำตลาดในต่างประเทศไม่สำเร็จ ซึ่งทำให้แอพนี้ยังสู้แอพดังๆ อย่าง Line หรือ Whats’ App ไม่ได้

มันไม่ใช่เพราะ KakaoTalk ไม่ได้พยายามดึงดูดความสนใจจากลูกค้าต่างประเทศ ในปี 2014 บริษัทได้มีการรวมตัวกับ Daum Communications

ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องของอินเตอร์เน็ต และ Kakao ได้พยายามใช้กลยุทธ์ทางการตลาดของ Daum Webtoon เพื่อดึงดูดลูกค้าชาวจีนและญี่ปุ่น แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับ Line Webtoon อยู่ดี

ในปีเดียวกันบริษัทได้พยายามเข้ามาครองตลาดในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ผลตอบรับกลับไม่เป็นไปตามที่วางไว้ จนทำให้บริษัทต้องหยุดโปรโมทสินค้าหลังจากปี 2015 และดูเหมือนว่าบริษัทกำลังยอมแพ้และหมดหวังในการเข้ามาครองตลาดต่างประเทศนี้  เพราะในปัจจุบันมีคู่แข่งจำนวนมากและยังแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน

อ่านเพิ่มเติม: เคล็ดลับการก่อตั้งธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

Show More

Leave a Reply

Back to top button