Tesla ประกาศยอดขายสูง แต่กำไรกลับตกลง

Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สหรัฐฯ เผยยอดขายที่สูงขึ้นในไตรมาสที่สาม เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ในทางกลับกันกำไรสุทธิกลับตกลงอย่างรวดเร็ว

Tesla กล่าวในรายงานผลตอบแทนที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า มาตรฐานการบัญชีในไตรมาสที่สาม กำไรสุทธิอยู่ที่ $1.853 พันล้าน ซึ่งตกลง 44% จากปีที่แล้วในไตรมาสเดียวกัน ($3.29 พันล้าน)

อัตรากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สามอยู่ที่ 7.6% ซึ่งลดลง 9.6 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า (17.2%) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.9% ลดลง 7.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว (25.1%) กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว (EPS) อยู่ที่ 0.66 ดอลลาร์ (W894)

ยอดขายแตะ 23.35 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยของ Wall Street ที่ 24.1 พันล้านดอลลาร์

ยอดขายในภาคยานยนต์เพิ่มขึ้นเพียง 5% เป็น 19.625 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยยอดขายในภาคการผลิตและการจัดเก็บพลังงาน (1.559 พันล้านดอลลาร์) และยอดขายในภาคบริการและภาคอื่นๆ (2.166 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 40% และ 32% ตามลำดับจากหนึ่งปี ที่ผ่านมา

“Tesla รายงานกำไรที่อ่อนแอกว่าที่คาด หลังจากชั่งน้ำหนักอัตรากำไรเนื่องจากการลดราคาและยอดขายที่ซบเซา” Bloomberg รายงาน “ด้วยเหตุนี้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง” ในขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่ของ Tesla เกิดจากนโยบายการลดราคาล่าสุด ซึ่งเสี่ยงต่อการลดอัตรากำไรขั้นต้น

อย่างไรก็ตาม Tesla กล่าวว่า “ในไตรมาสที่สาม เป้าหมายหลักของการเพิ่มการส่งมอบยานพาหนะสูงสุด, การลดต้นทุน, การสร้างกระแสเงินสดส่วนเกิน และการลงทุนอย่างต่อเนื่องในปัญญาประดิษฐ์ และโครงการการเติบโตอื่น ๆ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”

Tesla กล่าวว่า “ต้นทุนการขายต่อคันในไตรมาสที่สามลดลงเหลือประมาณ 37,500 ดอลลาร์ (50.81 ล้านวอน)” และอธิบายว่า “ต้นทุนการผลิตของโรงงานใหม่ยังคงสูงกว่าโรงงานที่มีอยู่เดิม แต่ราคาต่อหน่วย ถูกลดลงอีก เขาจึงดำเนินการอัพเกรดเท่าที่จำเป็นในไตรมาสที่สาม และลดราคาต่อหน่วยเพิ่มเติมเท่าที่ทำได้”