ประเทศอินเดียสามารถต่อสู้กับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้จริงหรือ?
ประเทศอินเดียเคยเป็นประเทศที่การเติบโตของเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก จนเมื่อสิ้นปีที่แล้ว ประเทศอินเดียได้ตกมาเป็นอันดับสองรองลงมาจากประเทศจีน และตอนนี้มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจของอินเดียจะแน่ลงเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้ค่า GDP ตกลงจนถึงจุดต่ำสุดในรอบห้าปีมานี้ และเมื่อไตรมาสที่ 1 ปี 2019 ค่า GDP อยู่ที่ 5.8% ด้วยเหตุเหล่านี้ทำให้มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาวิพากวิจารณ์ว่า ค่า GDP จะตกลงอีกในไตรมาสที่ 2
มากไปกว่านั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศอินเดียจะลดการจ้างแรงงานลงเป็นร้อยๆตำแหน่ง และอีกทั้งบริษัทที่มีการซื้อขายสินค้าอย่าง Unilever ก็มีแผนที่จะลดราคาสินค้าลง เนื่องจากเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ความพยายามของประเทศอินเดีย
ทางรัฐบาลได้พยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการตั้งนโยบายใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งนโยบายเหล่านั้นรวมไปถึงการลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจ startups, ราคาซื้อขายบ้านที่ถูกกว่าเดิม, การกู้เงินซื้อรถยนต์ และการอัดฉีดเม็ดเงินรูปีเข้าสู่ธนาคารเป็นจำนวน 700 พันล้านรูปี หรือ 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
และหลังจากนั้นไม่กี่วัน รัฐบาลอินเดียได้ประกาศนโยบายที่มุ่งเน้นไปที่การลงทุนจากต่างประเทศ โดยรัฐบาลกล่าวว่า อินเดียจะมีการสั่งห้ามไม่ให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาเปิดร้านค้าภายในประเทศ ยกตัวอย่างเช่น Apple (AAPL) เพื่อเป็นการช่วยเหลือธุรกิจร้านค้าต่างๆในประเทศ
อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า วิธีการแก้ปัญหาระยะสั้นนี้อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจอินเดีย และพวกเขายังแนะนำอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำก็คือ การปฎิรูปตลาดแรงงาน
แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใดๆ ในเรื่องของตลาดแรงงาน และตอนนี้ประเทศอินเดียก็กำลังประสบปัญหาอัตราการว่างงานสูงที่สุดแห่งทศวรรษ
นอกจากนี้ทางรัฐบาลได้ให้ขอความร่วมมือจากธนาคารกลางในการต่อสู้กับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในครั้งนี้ โดยการตัดอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในหนึ่งปี และประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า จะมีการโอนเงินสำรองให้กับรัฐบาลเป็นจำนวนเงิน 1.76 ล้านล้านรูปี หรือ 24.5 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย