ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) หดตัวลงถึง 7% ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งมีทิศทางตรงกันข้ามกับปีที่แล้วในช่วงสามเดือนนี้ โดยภาวะถดถอยของเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดได้ถูกบันทึกไว้ในปี 2502 หลังจากนั้นได้ตกลงที่ 0.3% ในไตรมาสแรก

ระบบเศรษฐกิจกำลังตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่อง หากพบว่าเศรษฐกิจไม่มีการเติบโตเป็นระยะเวลาสองไตรมาสติดกัน ประเทศออสเตรเลียเคยเป็นประเทศที่มีระบบการเงินขนาดใหญ่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะถดถอยนี้ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2551 วิกฤตการเงินระหว่างเทศ  เนื่องจากความต้องการซื้อสินค้าจากประเทศจีนลดลง

ภาวะถดถอยในครั้งแรก

ในช่วงเริ่มต้นของปี 2563 การเติบโตของเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว มากไปกว่านั้นยังเป็นฤดูของการเกิดไฟป่า ซ้ำยังเกิดภาวะไวรัสโคโรน่าอีกด้วย

ถึงแม้ว่ารัฐบาลและธนาคารกลางได้ให้ความช่วยเหลือเศรษฐกิจไปมากเท่าไหร่ แต่ธุรกิจหลายธุรกิจก็ยังต่างพากันปิดตัวลงทั่วประเทศ

และด้วยเหตุการณ์นี้จึงเป็นเหตุการณ์ที่เศรษฐกิจเกิดการเติบโตที่แย่ที่สุดในรอบ 61 ปีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากการหดตัวของการใช้จ่ายในครัวเรือนลดลง

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ภาวะถดถอยครั้งสุดท้ายของประเทศออสเตรเลียเกิดขึ้นกลางปี 2533 ไปจนถึงปลายปี 2534 และในปัจจุบันไวรัสโคโรนัสดูเหมือนจะเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอยอย่างหนัก แต่ก็ยังดีกว่าธนาคารกลาง ที่ตกลง 8% ก่อนหน้านี้

ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะถดถอย ออสเตรเลียก็ยังรับมือกับภาวะนี้ได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศ

เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ โดยเศรษฐกิจมีการหดตัวลง 9.5% ในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงมิถุนายน ในขณะที่ประเทศอังกฤษได้หดตัวลง 20.4%  ในส่วนของฝรั่งเศสมีการหดตัวลง 13.8%  และญี่ปุ่น 7.6%