การประท้วงทำให้หุ้นของไทยลดลง
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลได้จุดชนวนประเทศไทย
ประเทศไทยกำลังจะระเบิดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมตอนนี้ได้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม และกระจายกันไปในหลานพื้นที่ เพราะรัฐบาลได้ทำการสั่งปิดการขนส่งสาธารณะ Nikkei Asia เผยว่า ประชาชนจากจังหวัดอื่น ๆ อย่างน้อย 16 จังหวัดทั่วประเทศไทยได้เริ่มทำการประท้วง
มากไปกว่านั้น Nikkei Asia ยังเผยอีกว่า ผู้ประท้วงต้องการที่จะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยการชุมนุมได้เกิดขึ้นแต่เดือนมีนาคม แต่รัฐบาลก็ยังคงไม่ให้คำตอบที่แน่นอนแก่ประชาชน
ผู้ประท้วงได้กล่าวว่า รัฐบาลทำอันตรายและใช้ความรุนแรงแก่ผู้ประท้วง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกษัตริย์และราชินีเสด็จเยือนบ้านของท่านเอง โดยพวกเขาถูกผู้ประท้วงตะโกนใส่ ซึ่งถึงแม้ว่าผู้ประท้วงจะยังไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ แต่ในด้านกฏระเบียบแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นได้พยายามทำร้ายพระราชินี
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการฉีดน้ำและแก็ซน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม ทำให้พวกเขารู้สึกโมโห และโกรธเป็นอย่างมาก มากไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมหัวหน้าของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งในขณะนี้บางคนได้ถูกประกันตัวไปแล้ว และบางส่วนยังคงถูกคุมขังอยู่
นักลงทุนมองสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยว่าอย่างไร
รายได้หลักของประเทศอย่างแรกเลยก็คือ รายได้จากนักท่องเที่ยว ซึ่งรายได้ส่วนนี้หายไปทำให้รายได้ของประเทศไทยชะงัก Reuters กล่าวว่า ประเทศไทยมีเงินทุนไหลออกเป็นจำนวน 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงระยะเวลาเก้าเดือนที่ผ่านมา เจี๊ยบ โชติกานิต ผู้ก่อตั้ง Ton Poh Fund เผยว่า การประท้วงทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ด้านลบ
การเมืองของประเทศไทยมีความไม่มั่นคง และการชุมนุมเป็นระยะเวลานานส่งผลต่อการเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเช้ามาลงทุนในประเทศ ด้วยเหตุนี้ทำให้หุ้นของประเทศไทยตกลงถึงขึ้นต่ำที่สุดในเอเชียในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งอยู่ที่ 2.6%
Reuters กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันประเทศกำลังประสบปัญหาค่าสกุลเงินอ่อนตัว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจมีการหดตัวที่แย่ที่สุดในรอบ 22 ปี ตลาดหุ้นได้ตกลง 22% ตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ การประท้วงจากกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจนั้นมีการฟื้นตัวช้าลงขึ้นไปอีก