ข่าว

Target และ Walmart แสดงให้เห็นว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซไม่มีวันตาย

Thai Trading Focus

Target และ Walmart: รายได้ที่โดดเด่น, ราคาหุ้นที่ทะยานขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณอีคอมเมิร์ซ

Yahoo finance เผยว่า Walmart และ Target ได้ประกาศความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในขณะที่ Walmart มียอดขายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นถึง 79% ส่วน Target มียอดขายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น 155%

เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ทั้งสองบริษัทนี้มียอดลดลงเล็กน้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้กฎระเบียบในเรื่องของการล็อกดาวน์มีความเข้มงวดในช่วงไตรมาสที่สอง ในขณะที่ร้านค้าต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้งในไตรมาสที่สาม ทำให้ร้านค้าทั่วไปมีคนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเยอะมากขึ้น การที่ร้านค้ากลับมาเปิดอีกครั้งทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของประเทศสหรัฐฯ ในภาพรวม มียอดขายลดลง 14.3% ในไตรมาสที่สามจาก 16.1% ในไตรมาสที่สอง แต่ถึงแม้ว่าตัวเลขจะลดลง แต่ปีต่อปีตัวเลขนี้เป็นการแสดงถึงการเติบโตของธุรกิจที่สูงขึ้น 29%

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะยังคงอยู่ถึงแม้ว่าโรคระบาดจะสิ้นสุดลง

ในขณะที่ยอดขายของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการล็อกดาวน์ในช่วงของโรคระบาด ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้กำไรมากกว่าปีที่ผ่านมา Walmart ได้บันทึกยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น 74% ในไตรมาสแรกของปี 2563 ก่อนที่โรคระบาดในสหรัฐฯ  และนี่เป็นวิธีการที่โรคระบาดครั้งนี้ส่งผลต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นไปได้ยากที่ธุรกิจประเภทนี้จะตายไปจากตลาด ความรวดเร็วของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนจากมือหนึ่งไปอีกมือหนึ่งในธุรกิจค้าปลีก BOPIS (ซื้อออนไลน์, รับของที่ร้าน) จึงคาดการณ์ว่าหลังจากที่ new normal เริ่มขึ้น ธุรกิจนี้ก็จะยังคงอยู่

Dick’s Sporting Goods เผยว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ทำให้ Dick ได้มีบริการสั่งสินค้าออนไลน์ในช่วงเริ่มต้นของการเกิดโรคระบาด โดยลูกค้าสามารถมารับสินค้าหรือเลือกรับสินค้าได้ที่ร้านค้าใกล้บ้านของพวกเขาได้ ในขณะที่การบริการนี้ได้สร้างกำไรให้กับ Dick ได้อย่างน่าทึงในไตรมาสที่สอง มากไปกว่านั้นการบริการออนไลน์นี้ก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในไตรมาสที่สาม Ed Stack CEO ของ Dick เผยว่า “การบริการนี้เริ่มมาจาก ผู้บริโภคต้องการความปลอดภัย เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการที่จะติดต่อกับคนอื่นๆ ทำให้การบริการนี้มอบความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค

Show More
Back to top button