Telegram ได้ออกฟีเจอร์ใหม่สำหรับ iOS และ Android

เป็นอีกครั้งแล้วที่ Telegram ได้เพิ่มฟีเจอร์รูปแบบใหม่ ในเรื่องของตัวจับเวลาและการลบข้อความแบบอัตโนมัติ มากไปกว่านั้นยังมีการตั้งค่ารูปแบบใหม่สำหรับการแสดงผลข้อความอย่างไม่จำกัดจำนวนครั้งให้กับสมาชิกในกลุ่ม

สำหรับความสามารถในการลบข้อความแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้ Telegram สามารถลบข้อความในขณะที่ผู้ใช้งานกำลังสนทนาอยู่ โดยผู้ใช้งานจะต้องทำการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ โดยเฉพาะการเปิดใช้งานในช่องสนทนาทั้งแบบส่วนตัวและแบบกลุ่มแบบอัตโนมัติ

ฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้กับผู้ใช้งานที่มีการเปิดใช้ตัวตั้งเวลา ข้อความล่าสุดจะยังคงอยู่ในประวัติการสนทนา แต่จะค่อยๆ หายไปภายใน 24 ชั่วโมง ถึง 7 วันหลังจากที่ข้อความถูกส่ง

ในปี 2556 Telegram ได้คิดค้นฟีเจอร์ที่เรียกว่า Secret Chat ซึ่งระบบจะทำการลบบทสนทนาอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้งานเปิดช่องสนทนาอีกครั้ง

วิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ลบข้อความอัตโนมัติของ Telegram

ผู้ใช้งานแอนดรอยสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ โดยการคลิกที่ปุ่มจุดทางขวามือของหน้าจอ จากนั้นคลิกที่ล้างประวัติการสนทนา แล้วเลือกช่วงเวลาของการลบข้อความ

สำหรับผู้ใช้งาน iOS หรือ iPhone ผู้ใช้งานจะต้องกดปุ่มค้างไว้ที่ส่วนของข้อความ จากนั้นเลือก select แล้วกดล้างประวัติการสนทนาทางด้านซ้านบนของหน้าจอ จากนั้นเลือก Enable Auto-Delete

ฟีเจอร์การลบข้อความอัตโนมัติในกลุ่ม หรือช่องของ Telegram  สามารถทำได้โดยการเปิดใช้งานหรือตั้งเวลาโดยแอดมินเท่านั้น

ฟิเจอร์ใหม่ๆ

แอพพลิเคชั่นนี้ถูกสร้างข้นโดย Pavel Durov ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่อยู่หน้าหลักของโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งเรียกว่า Chat Widget และ Shortcut Widget

มากไปกว่านั้น Telegram ยังได้เพิ่มลิ้งค์เพื่อเชิญชวน โดยแอดมินของกลุ่มสามารถตั้งค่าเวลาในการใช้งานและจำนวนผู้เข้าร่วมในกลุ่มได้

นอกจากการส่งลิ้งค์เชิญชวนแล้ว Telegram ยังได้เปิดใช้งานการเชิญชวนในรูปแบบคิวอาร์โค้ด เมื่อตั้งค่าลิ้งค์เชิญชวนแล้ว ผู้ใช้งานสามารถเปิดเข้าไปยังกลุ่มหรือโปรไฟล์ของช่องได้ จากนั้นเลือกแก้ไข แล้วเลือกลิ้งค์เชิญชวน และเลือกไอคอนที่เป็นจุด 3 จุด เพื่อเปลี่ยนลิ้งค์ให้เป็นคิวอาร์โค้ด

จากเว็บไซด์ Telegram  เผยว่า ฟีเจอร์ล่าสุดไม่ใช่เพียงแต่การสร้างลิ่งค์เพื่อเชิญชวนเท่านั้น แต่ในตอนนี้ Telegram ไม่ได้จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกลุ่มอีกต่อไป ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ใช้งานสามารถสร้างกลุ่มโดยมีจำนวนผู้ใช้งานแบบไร้ขีดจำกัด

ก่อนหน้านี้แอพพลิเคชั่นได้กำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุดแค่ 200,000 คนเท่านั้น