ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงอยากย้ายประเทศ
เป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันอย่างร้อนแรงมาสักพักแล้วนะครับ กับประเด็นที่มีกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ออกมาสร้างกลุ่มพูดคุย-หารือกันเกี่ยวกับการย้ายประเทศ ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นสองเสียง ทั้งเสียงที่เห็นใจ สนับสนุน และเสียงที่ด่าทอว่าร้าย อย่างไรก็ตาม ผมว่าสิ่งที่เราควรจะสนใจไม่ใช่การติเตียนด่าว่ากลุ่มคนเหล่านี้ครับ แต่เป็นการตั้งคำถามที่ว่า ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงอยากย้ายประเทศต่างหาก
เหตุผลที่ทำให้คนเราอยากจะย้ายออกไปจากประเทศบ้านเกิดที่ใช้ชีวิตอย่างคุ้นชินมานานปีคืออะไรครับ? แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย การอพยพย้ายถิ่นฐานนั้นอยู่คู่กับสิ่งมีชีวิตมาช้านาน ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ผู้คนมีการอพยพกันหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนที่ออกจากแผ่นดินบ้านเกิดมาตั้งรกรากยังต่างประเทศ ก่อเกิดเป็นคอมมูนิตี้คนเชื้อสายจีนอยู่ในทั่วทุกมุมโลก ที่ผมจะถามก็คือ เราเห็นอะไรที่เหมือนกันจากการอพยพย้ายถื่นฐานของผู้คนบ้าง
คำตอบก็คือ “การสนองความต้องการ” นั่นเอง
เอาล่ะ คนจีนที่โล้สำเภาออกนอกแผ่นดินใหญ่มานั้น ส่วนมากจะมาเพราะต้องการชีวิตที่ดีขึ้น ต้องการหนีจากความแร้นแค้น หรือบางคนก็ต้องการหลบหนีการถูกยัดข้อหาคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อน
หรือหากเราจะมองให้ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น เราจะเห็นว่าเรื่องของการสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศ การไปหางานทำที่ต่างประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ทุกชนชาติทั่วโลกก็เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นครับ ซึ่งคนเหล่านี้บ้างก็มีความต้องการออกไปเห็นโลกกว้าง บ้างต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บ้างก็ชื่นชอบธรรมชาติและวัฒนธรรมของประเทศที่ตนย้ายไป และบ้างก็ต้องการไปอยู่ในประเทศที่มีระบอบการปกครองที่ตนเองต้องการ
ดังนั้น เราอย่าได้เห็นว่าการอยากย้ายประเทศของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในตอนนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดเลยครับ เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือว่าเกิดขึ้นที่ประเทศไทยประเทศเดียวแต่อย่างใด ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาสิ่งที่ตนเองต้องการ และคนกลุ่มนี้ที่อยากย้ายประเทศนั้น ส่วนมากเหตุผลก็มาจาก พวกเขาต้องการไปอยู่ในประเทศที่มอบ “สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับมากกว่านี้” ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพ สวัสดิการที่ควรสมกับภาษีที่จ่ายไป และต้องการไปอยู่ในที่ซึ่งเห็นคุณค่าของความคิดเห็น และศักยภาพของพวกเขา ซึ่งข้อหลังนี่นับได้ว่าเป็นข้อเสียของสังคมไทยมานานแล้วครับ กับการที่ประเทศเราไม่ได้เล็งเห็นความสามารถของคนกลุ่มนี้ เวลาไปขอทุนวิจัยก็ไม่ได้รับการสนับสนุน พวกเขาจึงต้องไปแสวงหาโอกาสที่ต่างประเทศ และความน่าเกลียดของระบบแบบไทย ๆ ที่ฝังรากลึกก็คือ เวลาที่คนมาขอทุนสนับสนุนนั้นไม่เล็งเห็นคุณค่า แต่พอคนเหล่านี้ได้ทุนจากต่างประเทศและทำโครงการสำเร็จ มีชื่อเสียงขึ้นมา ไทยดันอยากไปขอส่วนแบ่งความสำเร็จนี้ด้วย หากเจ้าของงานไม่ให้ คนไทยกลุ่มหนึ่งก็จะหาว่าเขาไม่รักชาติ ลืมกำพืดความเป็นไทย ทั้ง ๆ ที่ตอนเขามาขอความช่วยเหลือ ก็ไม่ได้สนับสนุนเลยแม้แต่น้อย
ที่ผมอยากจะพูดก็คือ คนรุ่นเราที่เป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนขึ้นไป ควรจะตั้งคำถามมากกว่า ว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงอยากย้ายประเทศ ไม่ใช่มานั่งติเตียนเด็กว่าชังชาติบ้าง นิยมต่างชาติบ้าง โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เรามักจะแสวงหาความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อคนเอง ดังนั้น หากประเทศนี้มันดีมันมีความหวัง เด็กเหล่านี้ส่วนมากก็คงไม่ต้องการจะย้ายถิ่นฐานไปไหนหรอกครับ ดังนั้น เราจึงควรวางอคติ หรือหัวโชนต่าง ๆ ลง แล้วมองตามภาพรวมของความเป็นจริงว่า เราปล่อยให้คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากที่บีบคั้นให้พวกเขาเกิดความคิดที่ว่าทนอยู่เมืองไทยไม่ได้อีกต่อไปแล้วได้อย่างไรต่างหาก มิเช่นนั้นแล้ว หากเรายังปล่อยให้ประเทศเป็นเช่นนี้ เราจะต้องสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถและมีศักยภาพในการเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศไป หรือที่เรียกกันว่า “สมองไหล” ไปอีกมากแน่นอน