จากรายงานเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 พบว่า GDP ต่ำกว่าไตรมาสแรก ซึ่งในไตรมาสแรกนั้น GDP พุ่งสูงขึ้นถึง 18.3% ซึ่งต้องขอขอบคุณผลกระทบที่เกิดจากโควิด 19 และในไตรมาสที่สอง เพิ่มสูงขึ้น 7.9%
อัตราการเติบโตในไตรมาสที่ 3 คือ 0.1% ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของ Bloomber 5% และต่ำที่สุดในรอบปีรายไตรมาส ในขณะที่ในไตรมาสที่ 3 ปีที่แล้ว GDP โตขึ้นถึง 4.9%
ภาวะวิกฤตสภาพคล่องของ Hengda Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ส่งผลให้มีไฟฟ้าไม่เพียงพอทั่วถึงภายในประเทศ และราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจีนเป็นไปในทิศทางลบ
มากไปกว่านั้นคาดการณ์ว่า นโยบายปลดล็อกดาวน์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาค และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่ค่อยฟื้นตัวนักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางลบ
นอกจากนั้นผู้บริหารธนาคารประชาชนจีน Lee Kang ยังเผยผ่านวิดีโอการสัมมานาที่มีการเข้าร่วมของประเทศจำนวน 30 ประเทศในเวลาเดียวกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีการจัดประชุมประจำปี ณ วันที่ 17 ว่า “การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศจีนมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างช้า แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตที่ 8% ในปีนี้