ราคาที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ เฉลี่ยแล้วสูงกว่า $400,000
เมื่อเดือนที่ผ่านมาราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉลี่ยในสหรัฐฯ สูงกว่า $400,000 เป็นครั้งแรก อีกทั้งธุรกรรมการขายบ้านลดลง เนื่องจากอัตราการจำนองเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
The National Association of Realtors (NAR) กล่าวเมื่อวันที่ 21 (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า ราคาเฉลี่ยที่อยู่อาศัยในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ $407,600 และราคานี้เพิ่มสูงขึ้น ณ ที่ใดที่หนึ่ง แต่ทั่วสหรัฐฯ
อ้างอิงจากอัตราการขึ้นรายปี ราคาที่อยู่อาศัยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 123 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุด ราคาที่เคยอยู่จุดสูงสุด อยู่ในปี 1999 รายงานจากสถิติของ NAR หากเรียงตามลำดับเมืองที่ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นสูงสุดจะอยู่ที่ Miami (45.9%) ตามมาด้วย Nashville (32.5%), Orlando (32.4%), Austin (14.7%), Las Vegas (12.3%) และ Phoenix (11.6%).
จากรายงานพบว่า 88% ของบ้านที่ถูกขายในเดือนพฤษภาคมต่ำกว่าเดือนเมษายนหลังจากที่มีการนำเข้าตลาด จำนวนวันโดยเฉลี่ยที่บ้านอยู่ในตลาดก่อนถูกขายอยู่ที่ประมาณ 16 วัน ซึ่งต่ำกว่าเดือนเมษายน วันที่ 17
อย่างไรก็ตามยอดขายบ้าน (อัตรารายปีที่ 5.41 ล้านเหรียญดอลลาร์) ในเดือนพฤษภาคมลดลง 3.4% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นระยะเวลาสี่เดือน และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเดือนเดียวกันพบว่า ยอดขายลดลง 8.6%
Lawrence Yoon หัวหน้านักสถิติของ NAR กล่าวว่า “ยอดขายบ้านกลับมาอยู่ระเดียวกับปี 2019 ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ (การระบาดของโควิด 19) หลังจากประสบภัยมาสองปี”
ความต้องการซื้อบ้านหดตัวลงเนื่องจากราคาบ้านมีราคาสูง และอัตราเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น
อัตราการจำนองคงที่ 30 ปี รวบรวมโดย Freddie Mac ผู้ให้กู้จำนอง เพิ่มสูงขึ้นสองเท่าจาก 2.67% เมื่อวันที่ 17 เดือนธันวาคม ปีที่แล้ว เป็น 5.78% เมื่อวันที่ 16 เดือนที่ผ่านมา อัตราสินเชื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก Fed ได้ประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำไมตลาดอสังหาริมทรัพย์เกิดการชะลอตัว และจะชะลอตัวสูงขึ้นในอนาคต
““เมื่อพิจารณาถึงการเข้าถึงที่อยู่อาศัยของอัตราการจำนองที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ พวกเราคาดว่า ยอดขายจะลดลงอีก ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” Lawrence Yoon, นักเศรษฐศาสตร์กล่าว “ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสูงขึ้นยังไม่สะท้อนให้เห็นในสถิติอย่างเห็นได้ชัดมากนัก”