ปีนี้ไต้หวันส่งออกเพิ่มสูงขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ การส่งออกของไต้หวันเพิ่มสูงขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หรือแบบ year-on-year ซึ่งเท่ากับ $42.08 พันล้าน, Taipei Times รายงานเมื่อวันที่ 9

จากตัวเลขสถิติการเทรดของกระทรวงการคลังของไต้หวันในเดือนพฤษภาคม พบว่า การส่งออกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 23 เดือนที่ผ่านมา

ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของการส่งออกทั้งหมดนั้นมีความเข้มแข็ง ซึ่งนำไปสู่จำนวนการส่งออกที่เพิ่มขึ้น

อัตราการเติบโตของการส่งออกในเดือนพฤษภาคมต่ำกว่า 21.3% ในเดือนพฤษภาคม และ 18.8% ในเดือนเมษายน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองในเรื่องของการส่งออก

มูลค่าตลาดเฉลี่ยคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น 13% แต่ความเป็นจริงแล้วต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย

หากแบ่งตามภูมิภาค ประเทศจีน รวมถึงฮ่องกง มีมูลค่าตลาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.8% หรือเท่ากับ 15.81 พันล้านดอลลาร์

โดยมีความชะลอตัวลงอย่างมาก จากที่เพิ่มขึ้น 10.6% ในเดือนเมษายน และนี่คือผลพวงจากการล่มสลายในหลายเมือง รวมถึงเซียงไฮ้

ในทางตรงกันข้ามการส่งออกไปยังแถบเอเชียใต้พุ่งสูงขึ้น 24% โดยการส่งออกของส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึันเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการโอนการผลิตประเภทอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจำนวนมาก เพราะการปิดกั้น ยกตัวอย่างเช่น เซียงไฮ้

มากไปกว่านั้นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น 15.5% ซึ่งอัตราการเติบโตชะลอตัวจาก 26.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

ในส่วนของการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้น 25.9% หรือเท่ากับ 16.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนั้นการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้นเช่นกันที่ 28.3%

จากแนวโน้มการส่งออกในอนาคต Tsai Meina ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตของกระทรวงการคลังกล่าวว่า “เนื่องจากการปิดกั้นของประเทศจีนที่ถูกยกระดับขึ้น เศรษฐกิจโลกได้กำลังฟื้นตัวขึ้น และอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีตัวแปรอื่นๆ ที่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจ อย่างเช่น ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัฐเซีย และโควิด 19” เขากล่าว

กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า การส่งออกจะเพิ่มสูงขึ้น 11-15% ในเดือนมิถุนายน

ในขณะเดียวกันการนำเข้าของไต้หวันก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกันที่ 26.7% หรือเท่ากับ 39.68 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากราคาพลังงานและทรัพยากรอื่นๆ ขึ้น

ทั้งนี้คาดว่าค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 19.75% ซึ่งสูงขึ้น 26.7% ในเดือนเมษายน

ดุลการค้าซึ่งหักการนำเข้าจากการส่งออก พบว่า เกินดุลที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์