IMF: ภาวะเงินเฟ้อทำให้อาหารในแอฟริกาเกิดความไม่มั่นคง
ผู้บริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)ของแอฟริกาเตือนเมื่อวันที่ 14 (ตามเวลาท้องถิ่น)ว่า ภาวะเงินเฟ้อโลกทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารของรุนแรง
Reuters เผยว่า Abebe Srelash ผู้บริหารของ IMF ในแอฟริกา กล่าวว่า “ธนาคารกลางของแอฟริกากำลังพยายามต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อภายใต้การควบคุมของธนาคารกลาง มากไปกว่านั้นภาวะเงินเฟ้อในครั้งนี้ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางด้านอาหารอีกด้วย”
จากรายงานภาพรวมเศรษฐกิจประจำปี IMF ประกาศว่า ประชากรจำนวน 123 ล้านคน หรือ 12% ของซาฮารา-แอฟกานิสถานกำลังประสบปัญหาความไม่มั่นคงทางด้านอาหาร
ในรายงานเผยว่า ก่อนเกิดการระบาดของเชื้อโควิด 19 ประชากรจำนวน 82 ล้านคนประสบปัญหาเรื่องความไม่มั่นคงทางอาหาร และหลังจากที่มีการเกิดสงครามระหว่างรัฐเซียและยูเครนพบว่า จำนวนประชากรที่กำลังประสบปัญหานี้มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“หลังจากที่เกิดโรคระบาดแล้ว สงครามและสถานการณ์อื่นๆ ส่งผลให้สภาวะขาดแคลนอาหารรุนแรงขึ้น” Selasg กล่าว “ฉันพักอยู่ที่ Chad ใจกลางแอฟริกา ในเดือนพฤษภาคม ฉันพบว่า ความปลอดภัยในเรื่องของอาหารอยู่ในขั้นวิกฤติ”
อัตราเงินเฟ้อราคาอาหารประจำปีของแอฟริกาในซาฮาลายังคงอยู่สูงกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 6.7% แต่ IMF ประมาณการณ์ไว้ที่ 8.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 2%
นอกจากนั้นการคาดการณ์การเติบโตของ GDP จะต่ำลงที่ประมาณ 0.2%-3.6%
FedWatch กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น 4% ในวันที่ 2 ของเดือนถัดไป หรือเท่ากับ 96.3% และอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งสูงขึ้น 4.75% เมื่อเทียบกับ FOMC ของปีที่แล้ว ในวันที่ 14 เดือนธันวาคมพวกเขากล่าวว่า จะมีการประชุมครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในปีนี้เป็นจำนวน 2 ครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะสูงขึ้นอีก 5% มีสูงถึง 57.1%