ผู้บริโภคยังคงใช้ Hawkish ในช่วงภาวะถดถอย
จากผลสำรวจของ The Michigan พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมกราคมอยู่ที่ 64.9 ในขณะที่การคาดการณ์ล่าสุดประมาณการไว้ที่ 64.6 หรือ 9% ซึ่งสูงกว่าดัชนีของเดือนธันวาคม แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภครู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนี้ยังคงตกลงในระดับต่ำ มากไปกว่านั้นในรายงานจากผลสำรวจของ The Michigan ยังกล่าวอีกว่า ผู้บริโภคตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในเดือนธันวาคม จากนั้นพวกเขาเริ่มที่จะหันมาประหยัดอดออมกันมากขึ้น เนื่องจากการถดถอยของเศรษฐกิจ Joanne Hsu ผู้บริหารของมหาวิทยาลัย Surveys of Consumers กล่าวว่า จะมีความเสี่ยงด้านลบมากมายต่อความเชื่อมั่น และเธอได้กล่าวอีกว่า ประมาณสองในสามของผู้บริโภคคาดว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำในปีหน้า
นอกจากนั้นเธอเผยว่า การอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ยังคงรออยู่ข้างหน้า ซึ่งหมายความว่า การชำระหนี้นั้นจะสามารถย้อนกลับไปเป็นผลตอบแทนได้ในอีกหลายเดือน ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2011 และ 2013 วิกฤตเพดานหนี้ส่งผลต่อการลดลงของความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก การคาดการณ์เงินเฟ้อลดลงติดต่อกันเป็นระยะเวลาสี่เดือนจาก 4.4% ในเดือนธันวาคมเป็น 3.9% มากไปกว่านั้นจากรายงานพบว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวจะอยู่ที่ 2.9% แต่จะยังวนเวียนอยู่ในระดับ 3% ในปีที่ผ่านมา Hsu เผยว่า ผู้บริโภคแสดงความไม่แน่นอนทั้งการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นหากอ้างอิงตาม Hsu บ่งบอกถึงลักษณะเบื้องต้นระดับเงินเฟ้อที่ลดลง
สหรัฐฯ ประสบปัญหาเพดานหนี้ เนื่องจากกรมธนารักษ์ใช้มาตรการพิเศษในการจ่ายเงินของรัฐบาล Janet Yellen เตือนว่า อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะต่อเสถียรภาพทางการเงินโลก เพราะฉะนั้นหากเกิดขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมจะพุ่งสูงขึ้น มากไปกว่านั้นภาวะถดถอยในสหรัฐฯ จะส่งผลต่อภาวะวิกฤตทางการเงินทั่วโลก เธอตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งนี้จะเป็นบ่อนทำลายบทบาทของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองอย่างแน่นอน