รัฐสภาสหรัฐฯ ต้องการจะแบนการเข้าถึง Tiktok ทั้งหมด
รัฐสภาสหรัฐฯ ต้องการจะแบนการเข้าถึง Tiktok ทั้งหมด เพราะพวกเขาเชื่อว่า “แอปพลิเคชันนี้เป็นสงครามทางการทูต” ซึ่งกำลังดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การถกเถียงเรื่องการแบน Tiktok อย่างเต็มรูปแบบนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้น และส่งผลให้การย้ายไปใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ ของประเทศจีนจะเพิ่มจำนวนขึ้น
The Wall Street Journal (WSJ) เผยเมื่อวันที่ 25 (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า การไต่สวนของคณะกรรมการด้านพลังงานและการค้าของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 23 แสดงให้เห็นว่าแอปอย่างเช่น TikTok กลายเป็นประเด็นระดับแนวหน้าของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดที่แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลผู้ใช้งาน Tiktok ถูกส่งไปยังรัฐบาลจีน แต่นักการเมืองของสหรัฐฯ ต่างพากันขยายแผนการแบนแอปพลิเคชัน Tiktok เนื่องจากพวกเขากังวลในเรื่องของ “ความปลอดภัย” เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้ลบแอปพลิเคชัน Tiktok ออกจากเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดในองค์กรสาธารณะ มากไปกว่านั้น Mark Warner วุฒิสมาชิกจากพรรค Democratic ประกาศว่า เขาได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายค้านจำนวน 10 คนในการออกกฎหมายแบน TikTok เมื่อวันก่อน ซึ่งสหรัฐฯ กำลังแพร่กระจายแผนเพื่อลบ TikTok ออกจากสมาร์ทโฟนของชาวอเมริกันทั้งหมด
WSJ อธิบายว่า ในอดีตสงครามการค้าเป็นเพียงการครบคุมสินค้าข้ามเขตแดน แต่ในปัจจุบันได้ซอฟแวร์และเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการสินค้าข้ามพรมแดน รัฐบาลสหรัฐฯ เกิดความขัดแย้งด้านการค้ากับจีน ซึ่งส่งผลต่อการจักัดการส่งออกของซอฟแวร์จีน อย่าง Huawei และตอนนี้ประเทศสหรัฐฯ กำลังยกเลิกแอปพลิเคชันของจีนอย่าง “Tiktok” บางคนแย้งว่า การห้ามใช้ TikTok ในสหรัฐอเมริกา เป็นการนำเอานโยบายของจีนภายใต้หลักการของการปกป้องเทคโนโลยีมาใช้ เนื่องจากจีน มีนโยบายห้ามใช้แอปที่ผลิตในสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ ในประเทศของตน อย่างเช่น Facebook เป็นต้น
ยังมีอีกหลายกรณีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ ซึ่งนำไปสู่การ “ไม่มีแอป” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อินเดียได้แบนแอปของจีนมากกว่า 100 แอป หลังจากการปะทะนองเลือดกับจีนในเขตความขัดแย้งบนเทือกเขาหิมาลัยในปี 2563
บางคนตีความว่า การแบน TikTok ในสหรัฐอเมริกามีเป้าหมาย เพื่อชิงความเป็นใหญ่ในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีกับจีน มากไปกว่านั้น TikTok ซึ่งมีผู้ใช้ 1.8 พันล้านคนทั่วโลก ได้ใช้ประโยชน์จากตลาดแอปทั่วโลกและอ้างถึงเรื่อง “ความปลอดภัย” ในการจัดการด้านความระมัดระวังเกี่ยวกับอิทธิพลของบริษัทในสหรัฐฯ