การเติบโตของราคาผู้บริโภคหลักของอังกฤษแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 ปีในเดือนพฤษภาคม
เมื่อวันที่ 21 British ONS กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อหลักในเดือนพฤษภาคม ซึ่งไม่รวมปัจจัยความผันผวนอื่นๆ อย่างเช่น พลังงานและอาหาร อยู่ที่ 7.1% ไม่เพียงเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน (6.8%) แต่ยังเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2535 การเติบโตของราคาผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 8.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเท่ากับอัตราดอกเบี้ยประจำปีของเดือนเมษายน ทั้งนี้ทั้งนั้นการเติบโตของราคาผู้บริโภคยังสูงกว่าการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 8.4% อัตราการเติบโตของผู้บริโภค ประเทษอังกฤษพุ่งสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 เดือน “แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลง แต่ค่าตั๋วเครื่องบิน, ค่าเดินทาง, ค่าเข้าชมคอนเสิร์ต และเกมคอมพิวเตอร์กลับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ” สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษกล่าว
ราคาอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 18.3% ซึ่งลดลงจากเดือนก่อน (19.0%) แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง Grant Fitzner กล่าวในการสัมภาษณ์ของ BBC ว่า “ค่าจ้างเพิ่มขึ้นส่งผลต่อราคา” “เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน บริษัทต่างๆ ดูเหมือนจะผลักดันต้นทุนของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค” Yael Selpin ประธานนักเศรษฐศาสตร์ของ KPMG กล่าว
อัตราการเติบโตของราคาผู้บริโภค ประเทศอังกฤษในเดือนพฤษภาคมสูงกว่าประเทศสำคัญอื่นๆ อย่างเช่น ฝรั่งเศส (6.0%), เยอรมัน (6.3%), สหภาพยุโรป (EU·7.1%), และสหรัฐฯ (2.7%) ประเทศเหล่านี้มีอัตราเงินเฟ้อลดลงเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม ยกเว้นประเทศอังกฤษ เนื่องจากไม่สามารถกำหนดอัตราเงินเฟ้อได้ง่าย ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ (BOE) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของอังกฤษคาดว่า จะยังคงเข้มงวดในเรื่องของการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
ตลาดการเงินคาดว่า BOE จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหลักจาก 4.5% ต่อปีเป็น 4.75% ต่อปี เมื่อวันที่ 22 ส่งผลให้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 13 เมื่อมีการประกาศอัตราเงินเฟ้อในวันเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญคาดหวังว่า อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญบางท่านเชื่อว่า ดัชนีอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้น 6% ต่อปีในช่วงต้นปีหน้า หนี้สาธารณะสุทธิที่ประกาศแยกต่างหาก โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ อยู่ที่ 2.567 ล้านล้านปอนด์ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2504