การส่งออก & นำเข้าของจีนตกลงอย่างมีนัยสำคัญ
การส่งออก & นำเข้าของจีนตกลงอย่างรวดเร็วเมื่อเดือนที่ผ่านมา เป็นการแสดงให้เห็นว่า สภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกเกิดความซบเซาอย่างเห็นได้ชัด
กรมศุลกากรและสรรพสามิตของจีนประกาศเมื่อวันที่ 8 ว่า การส่งออกในเดือนกรกฎาคมมีมูลค่า 281.756 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 14.5% จากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน การส่งออกที่ลดลงในเดือนกรกฎาคมนั้นสูงกว่าเดือนก่อนหน้า (-12.4%) ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 3 ปี 5 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2020 (-17.2%) หลังจากการระบาดของโควิด 19 ทั้งนี้ทั้งนั้นการลดลงครั้งนี้ใหญ่กว่าการคาดการณ์ของตลาดที่รวบรวมโดย Reuters (-12.5%)
การส่งออกที่ซบเซาของจีนซึ่งเป็น “โรงงานของโลก” เป็นผลมาจากการขาดอุปสงค์จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การส่งออกของจีนติดลบเมื่อเทียบปีต่อปีเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ต่อมาการส่งออกกลับดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคม (14.8%) และเมษายน (8.5%) ก่อนที่จะกลับมาติดลบอีกครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม การส่งออกไปยังสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ลดลง 21.43% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ค. ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศสำคัญ อย่างเช่น สหภาพยุโรป (-20.62%) และสหรัฐอเมริกา (-23.12%) %) ทั้งหมดลดลง 20%
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังรัสเซียเพิ่มขึ้นถึง 73.4% เผยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียที่แนบแน่นท่ามกลางบรรยากาศที่เรียกว่า “สงครามเย็นครั้งใหม่”
มากไปกว่านั้นการนำเข้ายังสะท้อนถึงอุปสงค์ในประเทศติดลบเป็นเวลา 10 เดือน ซึ่งเป็นการลดลงเป็นอย่างมาก การนำเข้าทั้งหมดในเดือนกรกฎาคมมีมูลค่า 201.159 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 265 ล้านล้านวอน) หรือลดลง 12.4% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเกือบสองเท่าจากเดือนก่อนหน้า (-6.8%) และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก (-5.0%) รวบรวมโดย Reuters นอกจากนั้นการนำเข้าจากเกาหลีใต้และไต้หวันลดลงมากกว่า 20% เนื่องจากอุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ซบเซาลง
ในส่วนของปริมาณการนำเข้าและส่งออกโดยรวมนั้น ปริมาณการนำเข้าและส่งออกรวมในเดือนกรกฎาคมลดลง 13.6% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว และปริมาณการนำเข้าและส่งออกสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมก็ลดลงเช่นกัน 6.1% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว เป็นการแสดงให้เห็นว่า จีนอาจจะฟื้นตัวและเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากการเปิดทำการของธุรกิจอีกครั้งในปีนี้ (การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ) แต่ธุรกิจทั้งหลายต่างกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาทั้งภายในและภายนอก สำนักข่าว Reuters วินิจฉัยประสิทธิภาพการนำเข้าและส่งออกในเดือนกรกฎาคมว่า “การคุกคามแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มแรงกดดันกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อขยายอุปสงค์” Bloomberg กล่าวว่า “เดิมทีเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการบริโภคที่แข็งแกร่งในปีนี้ แต่โมเมนตัมอ่อนตัวลง เนื่องจากความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและการขาดอุปสงค์ในประเทศ”