Tesla ลดราคาลง ส่งผลให้ราคาหุ้นตกลง
Tesla ลดราคาเริ่มต้นของรุ่น S และรุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นที่มีราคาค่อนข้างสูงในสหรัฐอเมริกา ลง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla ลดลงเช่นกัน มากไปกว่านั้นมีการคาดการณ์ว่า การแข่งขันด้านราคามีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากอุปทานของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
เว็บไซด์ของ Tesla เมื่อวันที่ 16 (ตามเวลาท้องถิ่น) เผยว่า รุ่นมาตรฐานของ Model S จำหน่ายในราคา $78,490 ซึ่งมีราคาต่ำกว่ารุ่น ‘Model S’ รุ่นเริ่มต้นที่ $10,000 (ประมาณ $88,490)
รุ่น Model X Standard Range ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์แบบสปอร์ต (SUV) ราคาอยู่ที่ $88,49 ซึ่งลดลง $1,000 จากรุ่นเริ่มต้นก่อนหน้า หรือ รุ่น Model Y นั่นเอง
เมื่อเทียบรุ่น Model S และ Model X ระยะทางการวิ่งสูงสุดถูกทำให้สั้นลง เดิมที Model S มีระยะทางสูงสุดที่ 405 ไมล์ (ประมาณ 652 กิโลเมตร) ในขณะที่ Model X ลดระยะทางการวิ่งลงจาก 348 ไมล์ เหลือ 269 ไมล์
มีรายงานว่า Tesla ไม่ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่หรือมอเตอร์กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่ง Tesla เผยว่า “รถทั้งสองรุ่นติดตั้งแบตเตอรี่และมอเตอร์แบบเดียวกับรุ่นก่อน แต่ระยะทางและประสิทธิภาพการทำงานถูกควบคุมโดยซอฟต์แวร์”
อีกทั้งยังลดราคา Model Y ในประเทศจีนอีกด้วย Tesla ประกาศบน Weibo ในประเทศจีนเมื่อวันที่ 13 (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า จะลดราคา Model Y ลง 14,000 หยวน (ประมาณ $2,000)
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นโยบายลดราคาของ Tesla ได้รับผลกระทบมาจากนโยบายราคาของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นในจีน ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน Geely ได้ประกาศนโยบายลดราคา หลังจากที่มีการลดราคาของ Ziker 001 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Ziker
ในประเทศจีน ราคาของ Ziker 001 ทั้ง 3 รุ่นลดลงเฉลี่ย $5,000 ซึ่งราคาพื้นฐานปัจจุบันอยู่ที่ $40,000 – $52,000 นอกจากนั้น Zicker ขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ประมาณ 50,500 คันในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งคิดเป็น 2% ของตลาดรวมของจีน อย่างไรก็ตามยอดขายมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณ 127% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นักวิจารณ์ชี้ว่า นโยบายลดราคาอย่างต่อเนื่องของ Tesla เป็นดาบสองคม เนื่องจาก Tesla ทำสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยมียอดขายประมาณ 466,000 หน่วยในไตรมาสที่สอง แต่ในขณะเดียวกันอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 9.6% และเมื่อเทียบกับ 14.6% ในไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลง 5%