ใครเทรดฟอเร็กซ์กันบ้าง?

ตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดก็คือ ตลาดฟอเร็กซ์ โดยตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายซึ่งอาจสร้างความประหลาดใจให้กับนักเทรดรายใหม่ และอีกหนึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของตลาดฟอเร็กซ์ก็คือ มีเว็บไซต์ดิจิทัลรองรับสกุลเงินนั้นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่น

ฟอเร็กซ์คืออะไร?

ฟอเร็กซ์คือ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน โดยราคาที่จ่ายของสกุลเงินหนึ่ง เพื่อแลกเปลี่ยนกับอีกสกุลเงินหนึ่ง มากไปกว่านั้นในตลาดฟอเร็กซ์มีสกุลเงินอย่างเป็นทางการมากกว่า 100 ประเภททั่วโลก ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ซื้อขายฟอเร็กซ์ระหว่างประเทศส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินทั่วไปในการชำระเงิน ยกตัวอย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ, เงินปอนด์อังกฤษ, เงินเยนญี่ปุ่น และเงินยูโร มากไปกว่านั้นยังมีเครื่องมือการซื้อขายสกุลเงินยอดนิยมอื่น ๆ ได้แก่ ดอลลาร์ออสเตรเลีย, ฟรังก์สวิส, ดอลลาร์แคนาดา และดอลลาร์นิวซีแลนด์

สกุลเงินที่ซื้อขายสามารถทำได้ เมื่อตราสารอ้างอิงเป็นสกุลเงิน โดยผ่านการทำธุรกรรมแบบสปอต, ฟอร์เวิร์ด, สว็อป และสัญญาออปชั่น การซื้อขายสกุลเงินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเป็นเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันและห้าวันต่อสัปดาห์

ตามที่ผมได้อธิบายไว้ข้างต้นว่า ฟอเร็กซ์เป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีผู้ซท้อขายหลากหลายประเภท และในบทความนี้ผมจะยกตัวอย่างผู้ซื้อขายฟอเร็กซ์ประเภทหลักๆ ให้คุณได้เข้าใจมากขึ้นครับ

ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเพื่อการลงทุน

ตลาดระหว่างธนาคารเป็นตลาดที่มีปริมาณสกุลเงินที่มากที่สุด และเป็นที่ที่มีการทำธุรกรรมเป็นสกุลเงินทางการค้าระหว่างกันและผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ สกุลเงินโดยรวมของปริมาณการซื้อขายคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่มาจากธนาคารขนาดใหญ่ ธนาคารเหล่านี้อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมฟอเร็กซ์ให้กับลูกค้าและดำเนินการซื้อขายเก็งกำไรจากโต๊ะซื้อขายของตนเอง

ธนาคารกลาง

ธนาคารกลางซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลของประเทศเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในตลาดฟอเร็กซ์ และสิ่งที่มีอิทธิพลมากที่สุดในธนาคารกลางคือ การดำเนินการของตลาดเปิดและนโยบายอัตราดอกเบี้ยในขอบเขตที่กว้างขวาง

เพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารกลางจะรับผิดชอบในการกำหนดราคาของสกุลเงินท้องถิ่นในตลาดฟอเร็กซ์ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาเสถียรภาพหรือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ อีกด้วย

บริษัทข้ามชาติ

บริษัทที่มีส่วนร่วมในการนำเข้าและส่งออก โดยมีการดำเนินธุรกรรมฟอเร็กซ์เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในเยอรมันนำเข้าส่วนประกอบของอเมริกาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในประเทศจีน หลังจากนั้นเงินหยวนของจีนที่ได้รับต้องถูกแปลงกลับเป็นเงินยูโร ต่อมาบริษัทในเยอรมันจะต้องแลกเปลี่ยนเงินยูโรเป็นดอลลาร์เพื่อซื้อส่วนประกอบของอเมริกาเพิ่มเติม เป็นต้น