ความรู้เรื่องฟอเร็กซ์: แนวรับ (Support Level) และแนวต้าน (Resistance Level) คืออะไร?

แนวต้านและแนวรับเป็นตัวช่วยให้นักเทรดเข้าใจทิศทางและพฤติกรรมของตลาดมากขึ้น และด้วยเหตุนี้ทำให้นักเทรดที่เข้าใจเรื่องนี้ได้เปรียบกว่านักเทรดที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ค่ะ
เห็นไหมล่ะคะว่า ความรู้มีพลังขนาดไหนสำหรับการเทรด
โดยพื้นฐานแล้วแนวรับเป็นตัวบ่งบอกถึงราคาของค่าสกุลเงินนั้นที่มีโอกาสที่จะไม่ตกไปมากกว่านี้ ในขณะที่แนวต้านเป็นตัวบ่งบอกถึงราคาของสกุลเงินนั้นที่มีโอกาสจะไม่เพิ่มไปมากกว่านี้
แนวรับและแนวต้านมีลักษณะคล้ายๆกับการพยากรณ์ทิศทางของตลาด เพราะแนวรับและแนวต้านเป็นการช่วยให้การพยากรณ์ของคุณมีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เพราะความถูกต้องคือทุกสิ่งทุกอย่างของการเทรด มากไปกว่านั้นข้อมูลส่วนนี้ยังช่วยให้นักเทรดมีความมั่นใจในการเปิดและปิดออเดอร์ หรือแม้กระทั่งการกำหนดค่า stop loss หรือ take profit
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มักใช้กราฟและเครื่องมืออื่นๆ ในการเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดในอดีตที่ผ่านมา จากนั้นพวกเขาก็ใช้ข้อมูลที่ได้ทำการทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามการที่นักวิเคราะห์ใช้วิธีนี้ในการคาดการณ์อนาคต แต่มันก็ไม่ใช่วิธีที่สามารถการันตีได้ว่า วิธีนี้จะสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นวิธีนี้เป็นเหมือนการโฟกัสไปที่อุปสงค์และอุปทานของค่าสกุลเงินและหลักทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง มากไปกว่านั้นวิธีนี้ยังโฟกัสไปที่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้น แต่กลับไม่โฟกัสไปที่เหตุผลว่าทำไมสิ่งนั้นถึงเกิดขึ้น
ความหมายอีกนัยหนึ่งก็คือ เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการใช้ข้อมูลในอดีตก็เหมือนการมองสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
ทิศทางของค่าสกุลเงินมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าค่าสกุลเงินมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น นั่นก็หมายความว่า ค่าสกุลเงินนั้นจะไม่ขึ้นไปตลอด เพราะฉะนั้นคุณอาจเห็นทิศทางตอนที่ราคาของค่าสกุลเงินนั้นลงเป็นเส้นตรงหรือ downtrends ด้วยเช่นกัน ทิศทางนั้นอาจมีระยะเวลาสั้นหรือยาว และแน่นอนค่ะว่า มันจะไม่เดินไปทิศทางเดียวไปเรื่อยๆ ดังนั้นมันจึงเกิดแนวรับและแนวต้านนั่นเองค่ะ
ระดับแนวรับและแนวต้าน: มุมมองเชิงลึก
เมื่อราคาลดลงมาถึง ณ ระดับราคาที่เป็นแนวรับ (Support Level) แล้ว ทำให้ระดับราคามีแนวโน้มที่จะไม่ลดต่ำลง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากเมื่อราคาของสกุลเงินนั้นตกลง จะทำให้มีผู้ต้องการซื้อมากกว่าผู้ต้องการขาย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดระดับราคาที่เป็นแนวรับ เพราะนักเทรดมีการซื้อหลักทรัพย์ตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกันเมื่อราคาลดลงมาถึง ณ ระดับราคาที่เป็นแนวต้าน (resistance level) แล้ว ทำให้ระดับราคามีแนวโน้มที่จะไม่เพิ่มสูงขึ้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากเมื่อราคาของสกุลเงินนั้นตกลง จะทำให้มีผู้ต้องการขายมากกว่าผู้ต้องการซื้อ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดระดับราคาที่เป็นแนวต้านนั่นเองค่ะ
การกลับตัวของระดับแนวรับและแนวต้าน
ถึงแม้ว่าจะมีระดับแนวรับและแนวต้านเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และคาดการณ์ข้อมูลในอนาคต แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่สามารถยืนยันได้ว่า การคาดการณ์ของคุณจะถูกต้อง 100%
เพราะถ้าราคาเพิ่มสูงขึ้นผ่านระดับแนวต้านแล้ว ค่าสกุลเงินนั้นจะดึงความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก จนทำให้สุดท้ายแล้วราคาของค่าสกุลเงินนั้นกลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นนักลงทุนคนอื่นๆอาจรอจนกว่าราคานั้นมีมูลค่าลดลง และรอโอกาสในครั้งหน้า
ในขณะเดียวกันถ้าราคาต่ำกว่าระดับแนวรับ สถานการณ์นี้อาจทำให้เกิดการขายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ออกไป นอกจากนั้นค่าสกุลเงินนั้นยังส่งผลกระทบต่อข่าวทางการเมืองและช่าวการพัฒนาเศรษฐกิจตามมาด้วย เพราะฉะนั้นระดับแนวรับระดับเก่าอาจกลายมาเป็นระดับแนวต้านระดับใหม่ได้ เนื่องด้วยราคานั้นไม่สามารถตกลงเท่าราคาล่าสุดนั่นเองค่ะ
ระดับที่มีความสำคัญมาก
การใช้จิตวิทยาเข้ามาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญ แต่มันก็ไม่ใช่แค่ปัจจัยนี้ปัจจัยเดียว เพราะยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักเทรดด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่กำหนดระดับแนวรับและแนวต้านในตลาดโลกก็คือ การใช้จิตวิทยาของนักเทรดนั่นเองค่ะ
จากที่เราได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับระดับแนวรับและแนวต้าน คุณก็คงพอจะเห็นถึงความสำคัญของมันแล้วใช่ไหมล่ะคะ เพราะฉะนั้นนักลงทุนควรใช้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์แนวทางการเทรดด้วยความระมัดระวัง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและความถูกต้องของข้อมูลค่ะ