จากผลสำรวจของ the Bank for International Settlements หรือ BIS พบว่า ปริมาณการเทรดฟอเร็กซ์แบบเดย์เทรดจากทั่วโลกกระโดดเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากการสำรวจในสามปีหลังนี้ มากไปกว่านั้นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการเทรดนี้ทำให้นักเายคนหันมาสนใจการเทรดแบบ swaps trading มากขึ้น

และเมื่อมีการเทรดฟอเร็กซ์แบบ swaps trading เพิ่มสูงขึ้นทำให้อัตราการหมุนเวียนของฟอเร็กซ์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากนักเทรดใช้ swaps ในการป้องกันความเสี่ยงและบริหารจัดการสภาพคล่อง มากไปกว่านั้นจากการสำรวจยังพบอีกว่า ตัวเลขในปีนี้พุ่งสูงถึง 3.2 ร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ตัวเลขพุ่งสูงกว่าการรายงานครั้งที่แล้วถึง 800 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 34% นั่นเองค่ะ

การเพิ่มขึ้นของปริมาณการเทรดครั้งนี้ส่งผลให้ spot trading สูงขึ้นถึง 20% และปริมาณการเทรดแบบเดย์เทรดได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 325 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 1.98 พันล้านดอลลาร์ในระหว่างปี 2559-2562 แต่หุ้นของ spot trade กลับตกลงถึง 30% จาก 33% เมื่อเทียบกับปี 2016 และในทางกลับกัน FX swap มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 49% ของยอดรวมมูลค่าอัตราการหมุนเวียนของตลาดฟอเร็กซ์ในปีนี้ เมื่อเดือนเมษายนอีกด้วย

ลอนดอนยังคงเป็นใหญ่ในตลาดฟอเร็กซ์

ศูยน์กลางระดับต้นๆของโลกทั้ง 5 แห่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งศูนย์กลางเหล่านี้มีอยู่ในนิวยอร์ก, ฮ่องกง, โตเกียว, สิงคโปร์ และลอนดอน โดยเพิ่มจาก 77% เมื่อสามปีก่อนเป็น 79% ในปีนี้ ทำให้การซื้อขายสินค้าทางการเงินในตลาดฟอเร็กซ์ไม่ว่าจะเป็น forward, swaps, spot และ option ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ลอนดอนอาจเป็นศูนย์กลางของปัญหา Brexit แต่ถึงอย่างนั้นแล้วลอนดอนก็ยังคงครองเป็นใหญ่ในตลาดฟอเร็กซ์ในปีนี้อยู่ มากไปกว่านั้นส่วนแบ่งการตลาดอื่นยังมีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 43% ในปี 2019 ในทางตรงกันข้ามตลาดฟอเร็กซ์ในแถบเอเชียมีอัตราลดลงจาก 21% เป็น 20%

และสุดท้ายจากรายงานล่าสุด ส่วนแบ่งการตลาดของอัตราแลกเปลี่ยนค่าสกุลเงินยุโรปเพิ่มสูงขึ้น 25% พร้อมกับอัตราการหมุนเวียนที่สูงถึง 284 ร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งในขณะเดียวกันอัตราค่าสกุลเงินของจีนกลับมีอัตราที่คงที่ที่อันดับ 8 ต่อจาก Swiss franc