สถานการณ์ระหว่างอมริกาและจีน ใน 2020
เมื่อเราพูดถึงพี่บิ๊ก หรือประเทศมหาอำนาจในปัจจุบันนี้ ที่ทำสงครามการค้ากันมาเป็นปี ๆ ก็คือพี่อเมริกาแห่งตะวันตก และพี่จีนแห่งตะวันออกนั่นเองครับ ในปี 2019 เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งทางการค้า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เพิ่มสูงขึ้น ภัยคุกคามจากสหรัฐฯ ต่อเม็กซิโก แคนาดา และยุโรป ความรุนแรงระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี และความเสี่ยงของกรณี Brexit ที่ดำเนินไปอย่างยากลำบากได้ส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ และในปี 2020 นี้ สถานการณ์ระหว่างอเมริกาและจีนในปี 2020 นี้ จะดำเนินไปในทิศทางไหน อย่างไรบ้างนะ
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ได้สร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่าย การเติบโตของจีดีพีของจีน ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 1990 ในสหรัฐอเมริกาการสร้างงานและผลสำรวจธุรกิจได้ลดลง แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะทรุดโทรมลง ข้อตกลงในประเด็นสำคัญ (การเข้าถึงตลาด การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการอุดหนุนทางอุตสาหกรรม) ก็ยังคงไม่ชัดเจน การหาทางออกที่ชัดเจน และอีกทางหนึ่ง ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามคลี่คลาย คือ: ข้อตกลงทางการค้าย่อย ที่สหรัฐฯ จะระงับการขึ้นภาษี และจีนนำเข้าสินค้าเกษตร คืนสู่ระดับการเจรจาก่อนหน้าที่สงครามการค้าจะเริ่ม และบานปลายถึงจุดนี้ เรามาดูสถานการณ์ระหว่างอมริกาและจีน ในปี 2020 กันดีกว่าครับ
ผลกระทบต่อการเติบโต
สหรัฐได้เลื่อนการขึ้นภาษีของเดือนตุลาคมไปแล้ว หากยกแผนขึ้นภาษีตามกำหนด 15 ธันวาคมออกนอกตารางไปก่อน และจีนมีข้อแลกเปลี่ยนที่ตกลงกัน ซึ่งทั้งสองประเทศจะสามารถหลีกเลี่ยงการระเบิดของ GDP ที่ 0.1% และ 0.2% ได้ตามตามลำดับ
ผลกระทบที่ใหญ่ขึ้น น่าจะเกิดขึ้นหากภาษีได้ถูกเลือน และความไม่แน่นอนของนโยบายลดลง การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่า การพลิกกลับไปมาที่เกิดจากการเจรจาการค้าเพิ่มขึ้นมากถึง 0.6% ในการฉุด GDP สำหรับสหรัฐฯ และการฉุด GDP 1% สำหรับจีน
การขึ้นภาษีของเดือนธันวาคม จะทำให้ยอดขายทั้งหมดของจีนไปยังสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อป :7j’เผชิญหน้ากับการจัดเก็บภาษีที่โหดร้ายมาก นั่นคือค่าใช้จ่ายจะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย จึงกระตือรือร้นที่จะหลีกเลี่ยง และมีแนวโน้มที่จะทำข้อตกลงการค้าย่อย การเปลี่ยนไปสู่กระบวนการเจรจาต่อรองที่โปร่งใส และคาดการณ์ได้มากขึ้น ในการแก้ไขปัญหาที่โดดเด่นนั้น มีความแน่นอนน้อยกว่า อันที่จริงแล้ว จากความคาดหวังของทรัมป์แ ละความกดดันที่เพิ่มขึ้นของการเลือกตั้งในปี 2020 และการไต่สวนการฟ้องร้องที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าไม่น่าเป็นไปได้
โดยพื้นฐานของเราคือ ตลาดจะได้รับการพักรบ แต่ไม่ใช่การหยุดพักผ่อนให้สบายใจได้ อัตราภาษีจะถูกระงับไว้ก่อน และความไม่แน่นอนจะยังคงอยู่ต่อไป
ภาวะสงคราม
ข้อตกลงการค้าย่อย มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น แต่ก็ห่างไกลจากความแน่นอน ผลการเจรจาที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมระดับสูงระหว่างทรัมป์ และ สี จิ้นผิง ในบัวโนสไอเรสตอนปลายปี 2018 และในโอซาก้าในช่วงฤดูร้อนปี 2019 จบลงด้วยการยืนยันความคืบหน้า และการพังทลายลงของผลการเจรจาทันทีหลังจากนั้น ในเวลานี้ การโต้เถียงอย่างดุเดือดต่อการปราศัยอย่าเสรี สิทธิมนุษยชน และความมั่นคงของประเทศได้เพิ่มความยากลำบากเข้าไปอีก
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติม นับตั้งแต่สมัย Bill Clinton ในปี 1992 ที่ผู้สมัครแข่งขันกันอย่างดุเดือด ในประเด็นของประเทศจีน ทรัมป์อาจเป็นข้อยกเว้น เขาแข็งแกร่งมากในประเด็นของประเทศจีน ในข้อที่ว่าเขาสามารถลดข้อตกลงได้ และยังคงอ้างว่าได้ดึงข้อเรียกร้องได้มากกว่าประธานาธิบดีคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา ถึงกระนั้นก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ความระทึกของการรณรงค์หาเสียง จะเป็นปัจจัยที่ซับซ้อน
ในสถานการณ์ความเสี่ยง ซึ่งอัตราภาษีเพิ่มขึ้นถึง 30% สำหรับการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทั้งหมด ความไม่แน่นอนจะยังคงอยู่ในระดับสูง และตลาดทุนทั่วโลกจะเผชิญกับแรงเทขาย และการระเบิดของอัตราการการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ การวิเคราะห์ของเรา ให้น้ำหนักอยู่ที่ 1.1% ของ GDP ในสหรัฐอเมริกา และ 1.6% ในจีน เพิ่มเติมจากจากมูลค่าของอัตราภาษีที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม จะเป็นอย่างไร ถ้าหากมีการประทุของสันติภาพอย่างกะทันหัน ? หากการเจรจาถูก จำกัดให้แคบลง เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้มั่นใจได้ว่าการเข้าถึงตลาด และยุติการบังคับการถ่ายโอนเทคโนโลยี นั่นอาจจะเป็นไปได้ ความจริงก็คือ พวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ด้วยหลาย ๆ เหตุผล ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นความขัดแย้ง ผ่านเลนส์ที่กว้างขึ้นของตะวันออก และตะวันตก ระบอบเผด็จการกับประชาธิปไตยสังคมนิยมและทุนนิยม โอกาสของข้อตกลงที่ครอบคลุมนั้น มีขนาดริบหรี่มากที่จะเห็นได้
แต่ถึงกระนั้น หากจะมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในปีที่ผ่านมา นั่นคงจะเป็นการเจรจาการค้าที่สามารถเปลี่ยนได้โดยไม่คาดคิด หากภาษีถูกย้อนกลับไปเป็น 25% จากการค้ามูลค่า 50 บิลเลี่ยนดอลลาร์ ของการซื้อขายทั้งสองทิศทาง และความไม่แน่นอนกลับสู่ระดับก่อนที่สงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนจะเริ่ม พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของ GDP ที่ 0.8% และ 1.4% ตามลำดับ
ในปี 2017 อัตราภาษีศุลกากรสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยสำหรับสินค้าจีนอยู่ที่ประมาณ 3% และภาษีศุลกากรจีนโดยเฉลี่ยสำหรับสินค้าสหรัฐฯต่ำกว่า 7% เล็กน้อย ในช่วงสงครามการค้า สหรัฐอเมริกาได้กำหนดอัตราภาษีเป็น 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 250 บิลเลี่ยนดอลลาร์ และ 15% จากมูลค่าการค้า 110 บิลเลียลดอลลาร์ ประเทศจีนได้กำหนดภาษีเพิ่มเติมในอัตราต่าง ๆ จำนวน $ 110 บิลเลี่ยนดอลลาร์ เราคำนวณว่าอัตราภาษีศุลกากรสหรัฐโดยเฉลี่ย สำหรับสินค้าจีนตอนนี้ประมาณ 17%
อัตราภาษีศุลกากรของจีนโดยเฉลี่ยสำหรับสินค้าสหรัฐฯอยู่ที่ประมาณ 20% ดังนั้นประเด็นของสงครามการค้านี้คืออะไร ? นี่เป็นสิ่งที่น่าติดตามในด้านของสถานการณ์ระหว่างอมริกาและจีน ในปี 2020 นี้ครับ