การบริหารจัดการความเสี่ยง

โดยปกติแล้วนักเทรดแบบเดย์เทรดหรือนักเทรดที่เทรดเป็นอาชีพหลักมักพยายามรักษาระดับความเสี่ยงให้อยู่ในระดับต่ำ หรือน้อยกว่า 1% ของเงินทุน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีเงินทุนในการเทรดอยู่ที่ $30,000 ดังนั้นเงินที่คุณทำการซื้อขายหุ้นจะต้องไม่สูงเกินกว่า $300 ต่อหนึ่งรายการการเทรด (1% ของ $30,000)

กลยุทธ์การเทรด

กลยุทธ์การเทรดถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบ ซึ่งนั่นก็คือ สถานการณ์ที่ต่ำกว่าอัตราการชนะ และกำไรที่มีความสอดคล้องกับผลขาดทุน

อัตราการชนะคือ จำนวนครั้งที่คุณชนะนการเทรดหารด้วยจำนวนของการเทรดทั้งหมด ถ้ากลยุทธ์นั้นชนะการเทรดที่ 60ครั้ง จากการเทรดทั้งหมด 100 ครั้ง จากนั้นให้คุณนำเอา 60 หารด้วย 100 นั่นก็คือ 60% นั่นเองค่ะ

ต่อให้คุณได้กำไรในครั้งนั้นๆ เป็นจำนวนมาก แต่จำนวนครั้งที่คุณชนะน้อยกว่าจำนวนครั้งที่คุณแพ้ นั่นก็หมายความว่า คุณไม่ประสบผลสำเร็จในการเทรด

มากไปกว่านั้นถ้าคุณมีอัตราการชนะที่ 50% หรือสูงกว่า ให้คุณเอาผลกำไรไปเปรียบเทียบกับผลขาดทุน (อัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยง) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คุณควรนำไปลองใช้ดูค่ะ

นักเทรดแบบเดย์เทรดส่วนใหญ่ต้องการที่จะให้อัตราการชนะมากกว่าอัตราการแพ้ อยู่ที่ 1.5 หรือมากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้านักเทรดขาดทุนที่ $300 ในหนึ่งการเทรด(จำนวนที่นักเทรดสามารถขาดทุนได้สูงสุด) ดังนั้นเขาจะต้องทำกำไรให้ได้มากกว่า $450 ในหนึ่งการเทรดค่ะ

กำไรเท่าไหร่ที่นักเทรดแบบเดย์เทรดควรได้: สถานการณ์จำลอง

จากตัวอย่างข้างต้น สมมุติว่า อัตราชัยชนะสูงกว่าอัตราการแพ้อยู่ที่ 1.5 นักเทรดมีอัตราการชนะอยู่ที่ 55% พร้อมเงินทุนจำนวน $30,000 ดังนั้นความเสี่ยงจากเงินทุนไม่ควรเกิน 1%

การทำการเทรดจำนวน 5 รอบโดยทั่วไปแล้ว (จุดเข้าและออกตลาดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเทรดเป็นรอบ) ในหนึ่งเดือนอาจเทรดเป็นเวลา 20 วัน ซึ่งนั่นก็หมายถึง ในหนึ่งเดือนคุณอาจเทรดเป็นจำนวน 100 ครั้ง ค่าคอมมิสชั่นและค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ $30 ใน 1 รอบ ($15 เมื่อคุณเข้าตลาด และอีก $15 เมื่อคุณออกตลาด)

งบประมาณจะใช้ margin หรืออัตราที่ 4:1 ซึ่งหมายความว่า ถ้านักลงทุนมีเงินทุนเพียง $30,000 เพราะฉะนั้นพวกเขาสามารถใช้ได้ถึง $120,000 ตราบใดที่ position ทั้งหมดนั้นถูกปิดก่อนที่ session จะปิดลง