Forex และตลาด

ความแตกต่างของตลาดทุนที่คุณต้องรู้    

Thai Trading Focus

ความแตกต่างของตลาดทุนที่คุณต้องรู้

ตลาดแรกและตลาดรอง

ตลาดแรกเปิดให้สำหรับนักลงทุนเฉพาะกลุ่ม ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อหลักทรัพย์ได้โดยตรงจากบริษัท และหลักทรัพย์เหล่านี้อยู่ในรูปของ  Initial Public Offerings (IPOs)
หลักทรัพย์ที่ถูกขายในตลาดนี้ก็คือหุ้นและตราสารหนี้ และบริษัทการเงินต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น Hedge funds และกองทุนรวม เมื่อบริษัทต้องการที่จะเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก
ในทางกลับกันนโยบายการเงินได้กล่าวว่า ตลาดที่ทำการซื้อขายหลักทรัพย์เหล่านี้จะต้องมีสถานที่ซื้อขาย ยกตัวอย่างเช่น Securities and Exchange Commission (SEC) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำการซื้อขายระหว่างนักลงทุนด้วยกัน
ภายในตลาดรอง บริษัทจะไม่มีตำแหน่งการซื้อขาย ยกตัวอย่างเช่น New York Stock Exchange ( NYSE) และ Nasdaq

Capital Markets Expanded การขยายของตลาดทุน

ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตัวไหน ก็จะถูกขายในตลาดทุน ซึ่งตลาดทุนนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ corporate finance, financial services และ public markets

1. Corporate Finance

ตลาดหุ้นใน Corporate Finance เป็นที่ที่สำหรับนักลงทุนที่ไม่ใช่บริษัทการเงินต่างๆ เงินทุนนั้นรวมไปถึงกองทุนภายนอก ซึ่งถูกคำนวณโดยการใช้การคำนวณต้นทุนถัวเฉลี่ย

ซึ่งอีกความหมายหนึ่งก็คือ ตลาดหุ้นนี้จะมีทั้งหุ้นบุริมสิทธิ์, ตราสารหนี้ของมหาชน และหนี้สินของบริษัท ทั้งหมดนี้จะใช้การคำนวณผลตอบแทนจากเงินทุนเหล่านี้

Corporate finance capital markets อาจรวมไปถึงกองทุนรวมตราสาร ยกเว้นหนี้สิน

2. Financial Services

ตลาดหุ้นนี้ประกอบไปด้วยบริษัทการเงินต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบริษัทซื้อขายหลักทรัพย์แก่สถาบันโดยตรง ไม่ใช้เป็นบริษัทที่ซื้อขายหลักทรัพย์แก่มหาชน ในทางตรงกันข้ามกับโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งรวมไปถึงธนาคารเพื่อการลงทุน, หุ้นนอกตลาด และบริษัทร่วมลงทุน

3. Public Markets

ใน Public market มีทั้งหนี้สิน, ตราสารหนี้, รายได้คงที่, เงิน, สัญญาซื้อขายล่วงหน้า และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

โดยตลาดนี้อาจรวมไปถึงหุ้น, หนี้, ตราสารหนี้ หรือตลาดที่มีรายได้คงที่  หรือตลาดนี้มีลักษณะตรงกันข้ามกับ corporate finance

นักลงทุนสามารถลงทุนแล้วได้รับภาษีคืนจากรายได้ที่ได้จากการลงทุน ในขณะที่ผลตอบแทนระยะสั้น – สินทรัพย์จะถูกถือไม่เกิน 1 ปี โดยจะถูกนำมาเป็นภาษีเนื่องจากเป็นรายได้ชนิดหนึ่ง ในส่วนของผลตอบแทนระยะยาวจะถูกคิดในอัตราที่แตกต่างกัน ซึ่งอัตราภาษีนั้นจะขึ้นอยู่กับการทำรายการซื้อขายผ่านธนาคารเพื่อการลงทุน หรือทุนของบริษัท เช่น หุ้นนอกตลาด หรือการร่วมทุน

Show More
Back to top button