สาเหตุและผลกระทบเมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งตัว
ธนาคารกลางของสหรัฐฯ สรุปการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อในครั้งนี้ โดยอธิบายถึงสาเหตุและผลกระทบของเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งตัว
เมื่อเดือนกันยายน 2022 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงสาเหตุและผลกระทบจากการแข็งตัวของเงินดอลลาร์ในครั้งนี้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งตัวกว่าเงินวอน, เงินเยน, เงินหยวน และเงินยูโร
เมื่อเทียบกับต้นเดือนมกราคม 2022 เงินดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อวันที่ 29 เดือนกันยายน 2022 มีมูลค่าสูงกว่าเงินวอน, เงินเยน, เงินหยวน และ เงินยูโร ที่ 20%, 25%, 12%, 22% ตามลำดับ
ซึ่งการแข็งตัวในครั้งนี้เป็นข่าวดีของชาวสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกัน ข้อดีข้อนี้อาจส่งผลร้ายต่อประเทศอื่นๆ
โดยทั่วไปแล้วการพยากรณ์เศรษฐกิจในเชิงบวก และความมั่นคงทางการเมืองต่างมีความเป็น ซี่งส่งผลต่อการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์
การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งตัวขึ้น เนื่องมาจากประชากรมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
หนึ่งในสาเหตุที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้รับความเชื่อมั่นก็คือ ธนาคารกลางของสหรัฐฯ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
โดยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นว่า สหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้รับความเชื่อมั่นก็คือ คู่แข่งต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อในครั้งนี้
หลังจากหลายปีที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้น อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ประเทศจีนกำลังตกลงอย่างช้าๆ เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ล้ม
ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้นในระยะสั้น
การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในครั้งนี้ส่งผลดีต่อบริษัทและตัวบุคคล เนื่องจาก คุณสามารถท่องเที่ยวไปประเทศต่างๆได้ในราคาที่ถูก, ราคาวินค้านำเข้าตกลง และวัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศก็ถูกลงไปด้วย
อย่างไรก็ตามผลเสียของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งตัวขึ้นก็มีเช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือ สินค้าส่งออกของสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้น ส่งผลผลให้ยอดขายสินค้าของบริษัทในสหรัฐฯ ลดลง