ในที่สุดค่าเงินเยนก็กลับมาที่ 130 เยนต่อดอลลาร์
อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนต่อเงินดอลลาร์ตกลงที่ 151 เยนต่อหนึ่งดอลลาร์ปลายเดือนตุลาคม และกลับมาที่ 130 เยนต่อหนึ่งดอลลาร์ เนื่องจากความชะลอตัวของอัตราแลกเปลี่ยนสหรัฐฯ หรือการแก้ไขนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ถ้าหากเงินเยนอ่อนตัวลง ราคาสินค้านำเข้าจ่อที่จะขึ้นราคา และจะเป็นการลดภาระให้กับครัวเรือน
ในทางกลับกันการบริหารการคลังของรัฐบาลคาดว่าจะเพิ่มความยุ่งยากในอนาคต เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ตัดสินใจลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินขนาดใหญ่
ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ภาระการจ่ายพันธบัตรรัฐบาลมูลค่าประมาณ 8 ล้านล้านเยนที่ต้องชำระทุกปี จะเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความเห็นเกี่ยวกับวิกฤตในครั้งนี้ต่อ Jiji News ว่า “หากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นหันไปใช้มาตรการเข้มงวดทางการเงิน จะส่งผลกระทบต่อการบริหารการคลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ก่อนที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 0.25% ต่อมาหลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน อัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นที่ 0.48% เมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.5% ซึ่งสูงกว่าระดับที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นตั้งเอาไว้
ต้นทุนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งรวมการชำระคืนพันธบัตรรัฐบาลและการจ่ายดอกเบี้ย จะได้รับคืน 24.3393 ล้านล้านเยน ตามงบประมาณเดิมในปี 2565 จากที่รัฐบาลได้ประมาณการ ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ 1% การใช้จ่ายพันธบัตรรัฐบาลคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านล้านเยนในปี 2568
จากแถลงการณ์ร่วมของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินขนาดใหญ่ ได้มีการถกเกถียงกันเรื่องของทฤษฎีการทบทวนเป้าหมายและระยะเวลาของความสำเร็จภายในรัฐบาล มากไปกว่านั้นแถลงการณ์ร่วมของรัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นในปี 2556 มีเป้าหมายที่จะบรรลุอัตราเงินเฟ้อ 2% โดยเร็วที่สุด และยังมีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในกรอบนโยบายทางการเงิน หลังจากการเปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีกำหนดในเดือนเมษายนปีหน้า