Dollar Influence is Predicted to Weaken
ผลกระทบจากการอ่อนตัวของเงินดอลลาร์
เงินดอลลาร์จะยังคงครองเงินสำรองต่างประเทศทั่วโลกในอนาคต แต่คาดว่า อิทธิพลของเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเรื่อยๆ อ้างอิงโดยผลสำรวจของธนาคารกลาง
The British เผยว่า OMFIF ประกาศผลการสำรวจนี้ผ่านการสำรวจจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจำนวน 75 คน รวมถึงผู้จัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ผ่านรายงาน Global Public Investor ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 28 ต.ค.
จากการสำรวจพบว่า ส่วนแบ่งเงินดอลลาร์โดยเฉลี่ยในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของแต่ละประเทศในปีนี้อยู่ที่ 59% ซึ่งสูงกว่าปี 2564 (56%) และปี 2565 (57%) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเกิดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยได้รับความนิยม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการลดค่าเงินดอลลาร์ยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง ดังนั้นสัดส่วนของเงินดอลลาร์คาดว่าจะลดลงเหลือ 54% ภายใน 10 ปี
ในบรรดาสกุลเงินหลัก สกุลเงินเดียวที่มีการตอบสนองมากขึ้นในการลดการถือครองในอีก 10 ปีข้างหน้าก็คือดอลลาร์เช่นกัน
OMFIF คาดการณ์ว่า เงินหยวนและเงินยูโรจะได้รับประโยชน์จากความพยายามในการกระจายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ธนาคารกลางกล่าว นักลงทุนจะมีความระมัดระวังในการลงทุนในจีนในระยะสั้น โดยอ้างถึงความโปร่งใสของตลาดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
จำนวนผู้ตอบแบบสำรวจที่กล่าวว่า พวกเขาจะเพิ่มการถือครองเงินหยวนในช่วง 2 ปีข้างหน้า มีจำนวนมากกว่า 30% ในปีที่แล้ว แต่ลดลงเหลือ 13% ในปีนี้
ในระยะยาว 39% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาจะเพิ่มการถือครองเงินหยวนภายใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลัก แต่คาดว่าส่วนแบ่งการถือครองจะเพิ่มขึ้น จากที่น้อยกว่า 3% ในปัจจุบันเป็น 6% ใน 10 ปี
ในขณะเดียวกัน รายงานประเมินว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในแต่ละประเทศลดลง 5% (ประมาณ 7.25 แสนล้านดอลลาร์) โดย 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาสูญเสียเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อและการขาดทุนจากการลงทุนพันธบัตรที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในปีที่แล้ว
85% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสามปัจจัยหลักของความกังวลทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในช่วง 1 ปีหรือ 2 ปี ในขณะที่ 69% กล่าวถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิด “สภาวะหยุดนิ่ง” (การชะลอตัวของราคาที่สูง)
ไม่มีผู้ตอบแบบสอบถามคนใดคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางภายในระยะเวลา 1 ปีหรือ 2 ปี โดย 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวภายใน 12 เดือนข้างหน้า