อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่นักลงทุนต้องจับตามอง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนควรจับตามอง อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บ (prime rate) คือ อัตราที่ธนาคารเรียกเก็บจากผู้กู้ยืมที่มีความน่าเชื่อถือ และอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำนี้อาจส่งผลต่ออัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลาง โดยทั่วไปแล้วตลาดหุ้นจะมีการตอบสนองอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราเป้าหมาย อัตราที่ลดลงเล็กน้อยสามารถกระตุ้นให้ตลาดขยับสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทลดลง เพราะฉะนั้นนักวิเคราะห์หุ้นจึงควรระมัดระวังและให้ความสำคัญกับสมาชิก FOMC เป็นอย่างมาก เพื่อให้เข้าใจว่าอัตราดอกเบี้ยจะไปไหนทิศทางใด
ในตอนแรกธนาคารจะเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืมหรือให้ยืมเงินสำรองส่วนเกินข้ามคืน ดังนั้นกฎหมายกำหนดให้ธนาคารต้องถือระดับเงินสำรองขั้นต่ำตามยอดเงินฝากของตนเอง ธนาคารกลางสหรัฐฯ อยู่ในข้อกำหนดการสำรองเงิน ซึ่งหมายความว่า เมื่อธนาคารเป็นเจ้าของข้อกำหนดการสำรองส่วนเกิน ธนาคารก็สามารถให้ธนาคารอื่นยืมเงินข้ามคืนได้ ในบางครั้งธนาคารที่กู้ยืมได้ตระหนักถึงการขาดดุลสำรองของตน ดังนั้นจึงจำเป็นที่คณะกรรมการตลาดเสรีกลาง (FOMC) จะต้องประชุมกัน 8 ครั้งอย่างน้อย ในระยะเวลา 1 ปี เพื่อร่วมกันตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจจะมีอิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ย ซึ่งครอบคลุมถึงรายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพราะสองปัจจัยนี้สามารถบ่งบอกถึงสัญญาณเกี่ยวกับสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศได้
ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยแบบปกติกับกองทุนของรัฐบาลกลางมีความแตกต่างกันหรือไม่? ตัวชี้วัดทั้งสองมีความสำคัญในสหรัฐอเมริกา ซึ่งความแตกต่างที่สำคัญคือ อัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางกำหนดช่วงจำนวนเงินที่ธนาคารจะให้ยืมหรือกู้ยืม เพราะจะส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมและเงื่อนไขทางการเงินรวมถึงตลาดหุ้นด้วย