COVID-19 : ภาพสะท้อนความไม่พร้อมทางการเงินของคนไทย
สวัสดีครับทุกท่าน ได้ 5000 กันรึยังครับ หรือว่ากลายเป็นเกษตรกรไปเสียแล้ว ฮาา ล้อเล่นน่ะครับ ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบนี้ ก็มีเรื่องตลกร้ายให้อ่านกันทุกวันเลยนะครับ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่พูดคุยกันอยู่ทุกวัน ก็คือเรื่องของเงินเยียวยา อันเป็นสิ่งที่หลาย ๆ ชีวิตต่างเฝ้ารอเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายครับ ซึ่งเรื่องนี้มันสะท้อนสังคมของเราอย่างไรบ้าง มาดูกันดีกว่า (ปล. นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวยของผมเท่านั้นนะครับ)
ค่าเงินของเราไม่เท่ากัน
แน่นอนครับว่า มูลค่าของเงินสำหรับแต่ละคนนั้นต่างกันออกไปครับ สำหรับบางคน เงิน 5000 บาท ก็เป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อย แต่สำหรับบางคน นี่ก็เป็นเงิยจำนวนมากที่จะช่วยต่อชีวิตของเขาต่อไปได้ และนอกเหนือไปกว่านั้น นอกจากมูลค่าเงินสำหรับแต่ละคนจะต่างกันแล้ว ค่าเงินของตัวเราเอง ก็ยังแตกต่างกันไปตามสถานการณ์อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้าจะเกิดสถานการณ์โควิท น้องสาวของผมนั้นทำงานรับเงินเดือนห้าหกหมื่น เงิน 5 พันสำหรับนางคือเฉยมาก แต่ตอนนี้น้องผมโดนพักงาน แถมยังไม่ได้เงินเยียวยาอีก ก็เริ่มเครียดและเห็นค่าของเงินมากขึ้นทันที ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรเคารพซึ่งกันและกัน อย่าไปหมิ่นเงินน้อย หรือเหยียดคนที่เดือดร้อนเพราะไม่ได้รับ 5 พัน เลยครับว่าเวอร์เหลือเกิน เพราะสำหรับพวกเขา เงิน 5 พันสำหรับตอนนี้ อาจจะเป็นรายได้ทางเดียวที่จะใช้เลี้ยงชีพและครอบครัวครับ
คนไทยไม่ค่อยมีเงินเก็บสำรอง
อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะสามารถสังเกตได้ก็คือ คนไทยส่วนมากที่เป็นชนชั้นแรงงาน หรือพนักงานเงินเดือนนั้น ไม่ค่อยจะมีเงินเก็บสำรองกันครับ ในขณะที่ก็มีภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายรุมเร้า ทำให้เพียงแค่เริ่มล็อคดาวน์ได้ไม่นาน ก็จะพบว่าเงินทองนั้นไม่เพียงพอจะดำรงชีวิตครับ โดยเฉพาะอาชีพรับจ้างที่ได้เงินเป็นรายวัน ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่แทบจะไม่มีเงินเก็บอยู่เลย บางคนก็หาอาชีพเสริมทำ เช่นค้าขายออนไลน์ เทรดฟอเร็กซ์ รับทำงานกราฟฟิคจากที่บ้าน แต่อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่มีความสามารถหรือทักษะในการหาอาชีพเสริมนั้นมีมากกว่าครับ ทำให้ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากทีเดียว
ความเหลื่อมล้ำที่ปรากฏชัดเจน
อันที่จริงพวกเราก็ต่างทราบว่าประเทศไทยนั้นมีระยะห่างระหว่างฐานะค่อนข้างกว้างครับ โดยเฉพาะในช่วงนี้ เราจะเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าคนที่ร่ำรวยนั้นแทบจะไม่ได้รับผลกระทบเลย ใช้ชีวิตสบาย เพียงแค่ไม่มีห้างให้เดิน ไปเที่ยวหรือทานข้าวนอกบ้านไม่ได้ ในขณะที่ชนชั้นหาเช้ากินค่ำนั้นแสนลำบาก ซึ่งหากเราเช้าไปในโซเชียลมีเดีย ก็จะได้เห็นภาพชัดเจนเลยครับว่าชีวิตการล็อคดาวน์ของแต่ละคนนั้นต่างกันมาก
อย่างเช่นตัวผมนั้นเป็นชนชั้นกลางที่ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากอาชีพหลักของผมคือการเทรดฟอเร็กซ์ ซึ่งก็ยังเทรดได้ และปกติก็เทรดอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลยรู้สึกปกติมาก ยกเว้นแค่ออกไปทานข้าวนอกบ้านไม่ได้เ่ท่านั้น ในขณะที่คนข้างบ้านผมที่เปิดแผงขายอาหารหน้าโรงเรียนแกกำลังลำบากมาก ๆ บางคนก็ยังต้องออกไปทำงานอยู่ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่กลัวโรคนะครับ แต่หลาย ๆ คนก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ระหว่างเสี่ยงติดโรค กับอดตาย ไม่มีเงินเลี้ยงครอบครัว มันก็เป็นเรื่องน่าลำบากใจจริง ๆ
อีกอย่างหนึ่งที่อาจจะไม่เกี่ยวกับการเงิน แต่เห็นเป็นประเด็นร้อนเสียเหลือเกิน กับการที่ชาวไทยช่างเหน็บแหนม ช่วงนี้มีดราม่าเยอะมาก ๆ กับการที่ดาเรา เซเลบ หรืออินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ได้รับอาหารมารีวิว แล้วถ่ายรูปลงในโซเชียลมีเดีย จากนั้นก็โดนคนมาเหน็บมาติว่าไม่ควรลง เพราะช่วงนี้คนกำลังลำบาก ไม่จะรับประทานกัน ทั้งที่อีกทางหนึ่งก็บอกว่าควรสนับสนุนคนทำงาน แต่ที่เขารีวิวนั้นก็เป็นร้านค้าที่ฝากมาประชาสัมพันธ์เช่นเดียวกัน ก็เป็นการช่วยผู้อื่นทำมาหากินกันฟรีๆ (ผมเคยทำเอเจนซี่โฆษณา ดังนั้นจึงทราบว่าปกติถ้าจะให้คนดังรีวิว นอกจากจะส่งของไปให้แล้ว ยังมีค่าตัวด้วย เริ่มตั้งแต่หลักร้อยยันหลักแสน ซึ่งแน่นอนว่าดาราก็มีไม่ต่ำหว่าหมื่นครับ แต่นี่เขารีวิวให้ฟรี ๆ เพราะอยากช่วยคนทำมาหากิน) อันนี้ผมก็มองว่าเราดราม่ากันไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไหร่ แต่สำหรับท่านอื่นจะคิดยังไงก็ไม่ทราบนะครับ
ไม่รู้ว่าการต้องล็อคดาวน์นี้จะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน แต่ผมก็ขอให้ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วนะครับ สวัสดีครับ รักษาสุขภาพกันด้วยล่ะ