พลังของความคิด อาจสำคัญกว่าที่คุณรู้
ช่วงนี้ผมคิดว่า เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ ท่านต่างก็รู้สึกเครียด และเผชิญกับความท้ามายหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะกับโรคระบาดอย่าง COVID-19 และ ปัญหาปากท้องครับ แต่ถึงแม้ว่าปัญหาหลาย ๆ อย่างอาจไม่ได้รับการแก้ไขในทันที แต่รู้ไหมครับว่า การที่เรายิ่งจมดิ่งอยู่กับความคิดเครียด ๆ เช่นนี้ทั้งวัน อาจจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เผลอ ๆ ยังทำให้เราแย่ลงอีกด้วยครับ เพราะพลังของความคิดนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เราอาจรู้เสียอีก เรามาดูตัวอย่างของพลังของความคิด อันเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ควรจมอยู่กับความคิดด้านลบกันครับ
เปลี่ยนความคิดที่หนึ่ง: สร้างคำจำกัดความของ “ความล้มเหลว” เสียใหม่
คนเรามักมองว่าความล้มเหลวคือความย่ำแย่ที่หาข้อดีเลยไม่ได้เลยสักนิด ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่จะส่งผลให้เราแต่ในทางลบครับ ดังนั้น เราควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ แต่ไม่ใช่ขนาดมองว่าการมองว่าล้มเหลวดีเลิศจนขาดทุนแล้วดีใจนะครับ แบบนั้นก็ไม่ได้! แต่เราจะต้อง “มองหาข้อดี” ของความล้มเหลว คือ ก่อนอื่น ให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเสียก่อน หากว่าเกิดความผิดพลาด ความล้มเหลวขึ้นมาแล้ว เราจะต้องใจเย็น และมองหาว่าเราผิดพลาดตรงไหน เปลี่ยนความคิดจาก “ความล้มเหลว” ให้เป็น “บทเรียน” เรียนรู้จากมันและปรับปรุงให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อไม่ให้ความผิดพลาดแบบเดิมเกิดขึ้นซ้ำนั่นเอง
เปลี่ยนความคิดที่สอง: อย่ายึดติดกับ “ความสมบูรณ์ไร้ที่ติ”
ความสมบูรณ์แบบอาจจะฟังดูดีใช่มั้ยครับ แต่รู้หรือไม่ว่า การยึดติดกับความสมบูรณ์แบบนั้น เป็นหนึ่งในศัตรูขัดความความสำเร็จครับ เราจะต้องไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของมายด์เซ็ตที่ว่าทุกสิ่งต้องเพอร์เฟค เพราะมนุษย์เราเป็นสิ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบครับ หากว่าคุณยึดติดกับความสมบูรณ์มาก ๆ สิ่งนั้นจะคอยถ่วงคุณให้ไม่กล้าลงมือทำเพราะกลัวว่าจะออกมาไม่สมบูรณ์แบบ หรือหากลงมือทำไปแล้วออกมาไม่เพอร์เฟค มันก็จะทำให้คุณเฟล เศร้า หรือหงุดหงิดได้ ดังนั้น จำไว้ว่าแม้ความสมบูรณ์แบบจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หากยึดติดมากเกินไป ก็จะเป็นดาบกลับมาทำร้ายตัวเราเองเช่นกัน
เปลี่ยนความคิดที่สาม: หยุดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
มนุษย์เรามีความเป็นปัจเจกชนครับ ไม่มีใครจะเหมือนใครได้ ดังนั้น การมองผู้อื่นแล้วนำมาเป็นแนวทาง หรือนำเทคนิค ข้อคิดของคนที่ประสบความสำเร็จมาปรับใช้ พัฒนาตัวเอง เป็นเรืองที่ดีครับ แต่ที่ห้ามทำเลยก็คือ การมองคนอื่นแล้วเอามาเปรียบเทียบกับตัวเอง เช่น เขาดีกว่าเรา เขารวยกว่าเรา ทำไมเราถึงไม่ดีเหมือนเขา พวกนี้คือมายด์เซ็ทที่ไม่ดีครับ ห้ามเด็ดขาด เพราะยิ่งทำแบบนั้น คุณก็จะยิ่งกดตัวเอง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์เอาเสียเลย
อย่ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องเลวร้ายเลยครับ จริงอยู่ที่ว่าการคิดแต่แง่ดีนั้นก็อาจไม่ได้ช่วยทำให้เราผ่านวิกฤติได้ ทว่าจิตใจที่ใสกระจ่างย่อมทำให้เรามองเห็นรอบด้านได้ชัดกว่าความดำมืดขุ่นมัว นอกจากนี้ การที่เราคิดลบมาก ๆ ยังสร้างภาระแก่ร่างกาย ทำให้เราอาจล่มป่วยได้อีกด้วย เพราะพลังของความคิดนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เรานึกถึงครับ ขอให้ทุกท่านมีสติ เสพข่าวอย่างระมัดระวัง และก้าวผ่านเรื่องต่าง ๆ ไปได้อย่างเข้มแข็งนะครับ